ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 5-6 – หน้า 8 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 5-6

8 of 8หน้าถัดไป

เขาพูดจามีเหตุผลหนักแน่น ดวงตาเรียวเล็กของปีศาจเฒ่าฉายประกายเรืองรองวูบหนึ่ง ในที่สุดนางก็เริ่มนั่งไม่ติดที่แล้ว

ค่ำคืนนี้เป็นวันที่นางจะสำเร็จเป็นมาร ขอเพียงถ่วงเวลาไปถึงยามจื่อได้เงื่อนไขทุกอย่างก็สุกงอมครบแล้ว ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้าเด็กบ้าลิ่นเฉิงโย่วจู่ๆ จะมาปรากฏตัว ทำลายแผนการใหญ่ของนางครั้งแล้วครั้งเล่า

นางใกล้เป็นมารเต็มทีแล้ว เลือดเนื้อบนร่างเรียกได้ว่าเป็นอาหารเลิศรสเลอค่า หากคิดเรียกฝูงปีศาจมาต่อกรลิ่นเฉิงโย่วจำเป็นต้องใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ ดังนั้นทั้งที่รู้แก่ใจดีว่าร่างเดิมจะต้องได้รับบาดเจ็บ ก็ยังตัดนิ้วออกข้างหนึ่งอย่างเด็ดเดี่ยว

นับตั้งแต่ตอนที่นางปักนิ้วที่ขาดลงในดิน ก็ดึงดูดปีศาจร้ายที่โหยหิวจนน้ำลายหกมาฝูงใหญ่

ปีศาจเฒ่าทางหนึ่งหลอกล่อให้เหล่าวิญญาณร้ายเหนี่ยวรั้งลิ่นเฉิงโย่วเอาไว้ อีกทางหนึ่งก็ใช้ประโยชน์จากลิ่นเฉิงโย่วควบคุมวิญญาณ ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนไม่อาจปลีกตัวนางก็จะนั่งเฉยๆ เก็บกำไรอย่างเฒ่าประมงดูดปราณพิฆาตของปีศาจร้ายพวกนั้นให้สาแก่ใจ

ยิ่งนางดูดปราณพิฆาตมากเท่าใด พลังก็เพิ่มพูนเร็วมากเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงยามจื่อ ปราณพิฆาตมากมายมหาศาลที่ปล้นชิงมาเหล่านี้ก็เพียงพอให้นางกลายเป็นมารได้ก่อนเวลาที่คาดหมายแล้ว

ตอนนี้ขาดปราณพิฆาตอีกไม่มาก จะออกจากค่ายกลไปในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานไม่ได้เด็ดขาด ทว่าลิ่นเฉิงโย่วเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ดูไม่เหมือนคนลัทธิเต๋าสักนิด สมมติว่าเขาโกหกก็แล้วไปเถอะ แต่หากเป็นเรื่องจริงขึ้นมา รอให้เขานำกระบี่นิลเก้าสวรรค์กลับมาที่นี่ เผลอๆ อาจจะกอบกู้สถานการณ์กลับมาได้

จะออกจากค่ายกลไปขัดขวางเขาดีหรือไม่ นางยังคงตัดสินใจไม่ได้ ภายใต้แสงจันทร์สกาวสีเงินยวง เด็กหนุ่มสวมชุดสีม่วงยืนอยู่บนกระเบื้องมุงหลังคาเคลือบสีเขียวอมน้ำเงิน แขนเสื้อคลุมปลิวไสวลู่ลมยามกระโจนออกไปนอกเขตเรือน

เจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อจับตาดูสีหน้าปีศาจเฒ่าเงียบๆ เนื่องจากคาดเดาท่าทีของนางไม่ถูก จึงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเพียงใด ปีศาจเฒ่าพลันแค่นหัวเราะออกมา “ข้าขอเตือน เจ้าอย่าเล่นลูกไม้สกปรกให้มากนัก ไม่ต้องคุยโวถึงกระบี่เส็งเคร็งเล่มหนึ่ง ต่อให้เชิญท่านอาจารย์ของเจ้ามาก็ทำอันใดข้าไม่ได้ พวกเรามาเดิมพันกันดีกว่า ‘บ่วงสลายปราณพิฆาต’ ที่เจ้าสร้างไว้นั่นสุดท้ายจะขวางข้าได้สักกี่น้ำ ก่อนเจ้ากลับมาข้าจะกินศิษย์น้องเจ้าสองคนลงท้องไปหมดได้หรือไม่”

หนังศีรษะเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อกระตุกตุ้บๆ นอกจากปีศาจตนนี้จะไม่ยอมตกหลุมพรางแล้ว ยังพลิกกลับมาใช้พวกตนไปบังคับข่มขู่ศิษย์พี่อีก

เสียงหัวเราะของลิ่นเฉิงโย่วดังลอยมาแต่ไกล “คนทางขวานั่นชื่อชี่จื้อ ปกติชอบอาบน้ำ ร่างกายสะอาดสะอ้านสักหน่อย หากเจ้าไม่รังเกียจ ลองกินเขาดูก่อนสิ”

ปีศาจเฒ่าตะลึงงัน

นักพรตน้อยทั้งสองคนยกมือปิดปากร้องไห้กระซิกๆ

ตอนนี้ทุกคนเร่งฝีเท้าวิ่งหนีมาถึงหน้าประตูเรือนแล้ว ตู้ฮูหยินอายุมากแล้วจึงวิ่งได้ช้าที่สุด เถิงอวี้อี้จึงอยู่รั้งท้ายไปด้วย พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ของลิ่นเฉิงโย่วเท้าก็พันกันจนซวนเซ

ลิ่นเฉิงโย่วกำลังวางอุบายลวงให้สับสนชัดๆ หากมีกระบี่นิลเก้าสวรรค์อยู่จริง มีหรือจะยื้อยุดกับปีศาจเฒ่าตนนั้นมานานถึงเพียงนี้ น่าเสียดายที่ไม่ว่าลิ่นเฉิงโย่วจะเอ่ยวาจายั่วยุเช่นไรปีศาจเฒ่าก็ไม่ยอมออกจากค่ายกลเสียที

นางหันหน้ากลับไปมองลานกว้าง เหล่าปีศาจถูกตาข่ายสีทองข้างบนกักขังไว้ พวกมันพุ่งชนค่ายกลอย่างสะเปะสะปะราวกับแมลงวันไร้หัว ส่วนต้นไม้ใบหญ้าที่ถูกลิ่นเฉิงโย่วเผาทิ้งไปก็มีเค้าลางว่าจะฟื้นคืนชีพ เพียงสายลมโชยแผ่วพัดผ่านระลอกหนึ่ง กิ่งก้านใบแห้งเกรียมก็กลับมามีสีสันสดใสสะดุดตา

ปีศาจเฒ่านั่งสงบนิ่งอยู่กลางทะเลดอกไม้หลากสีบานสะพรั่ง ร่างกายยังสูงใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อยด้วย

เถิงอวี้อี้รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง ไม่เคยเห็นเหตุการณ์แปลกพิลึกพิลั่นเช่นนี้มาก่อน หากยังไม่คิดแผนการรับมือให้ได้จะต้องเกิดหายนะครั้งใหญ่แน่นอน

นางนึกแผนการหนึ่งขึ้นมาได้จึงกระซิบบอกตู้ฮูหยินว่า “ท่านป้า รอสักครู่นะเจ้าคะ”

จากนั้นนางส่งเสียงตะโกนออกไปว่า “เฉิงอ๋องซื่อจื่อ ข้ามีของวิเศษคุ้มกายชิ้นหนึ่งชื่อกระบี่หยกมรกต ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในป่าไผ่ถูกปีศาจเฒ่าลอบจู่โจม ข้าใช้กระบี่เล่มนี้ตัดกรงเล็บขวาของปีศาจเฒ่า หากซื่อจื่อไม่รังเกียจ ลองนำไปใช้ดู”

นางจงใจกล่าวประโยคนี้ให้ปีศาจเฒ่าได้ยิน กระบี่เล่มนี้แปลกพิสดารยิ่ง ไม่แน่ว่าจะยอมให้ลิ่นเฉิงโย่วเรียกใช้ ส่วนลิ่นเฉิงโย่วก็หยิ่งผยองถือดี ใช่ว่าจะยอมใช้ของวิเศษจากผู้อื่น แต่ขอเพียงเอ่ยถึงกรงเล็บขวาที่ถูกตัดขาดไปจะต้องแทงใจดำปีศาจเฒ่าอย่างจังแน่

เถิงอวี้อี้เพิ่งกล่าวจบไป ก็สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นเยียบเปี่ยมแรงอาฆาตคู่หนึ่งจ้องมองมา นางคลี่ยิ้มบางๆ แล้วกล่าวต่อ “ถึงปีศาจตนนี้จะกำเริบเสิบสาน แต่พอเจอกระบี่เล่มนี้เข้าไปก็หมดท่าแล้ว เนื้อหนังเละเทะเป็นโคลนตมเชียวล่ะ ตัดฉับเข้าทีหนึ่งก็ร่วงเป็นก้อน ตัดฉับอีกทีก็ร่วงเป็นก้อน…”

นางแย้มรอยยิ้มหวานหยด จงใจพูดเนิบนาบเชื่องช้ากว่าปกติหลายเท่า เพลิงโทสะในดวงตาปีศาจเฒ่าลุกโชนออกมาประหนึ่งพร้อมเผาเสื้อผ้าเถิงอวี้อี้ให้เป็นรูโหว่

เสียงกระทบกระเบื้องบนแนวกำแพงดังขึ้นท่ามกลางความมืดยามราตรี ลิ่นเฉิงโย่วมีไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศอย่างที่คิดไว้ เขาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสนอกสนใจทันที

“มีของดีเช่นนี้ด้วยหรือนี่ หากคุณหนูสะดวกใจ ส่งมาให้ข้าดูสักหน่อยได้หรือไม่”

เถิงอวี้อี้ห่อฝักกระบี่ให้เรียบร้อยแล้วเขวี้ยงขึ้นไปบนคานหลังคา ลิ่นเฉิงโย่วเอามือช้อนรับไว้ได้ ที่แท้ก็เป็นกระบี่สั้นขนาดประมาณสามชุ่นสีเขียวสดเปล่งประกายแวววาวใต้แสงจันทร์ กระบี่คมกริบบางเฉียบดุจใบไม้ ยามสัมผัสลูบไล้รู้สึกเหมือนน้ำแข็งและเย็นเยียบดั่งเนื้อหยก

เขาเคยเห็นสมบัติล้ำค่าหายากมานับไม่ถ้วน แต่เพิ่งเคยเห็นกระบี่ทำจากหยกมรกตเป็นครั้งแรก รู้สึกประหลาดใจว่ามันเปราะบางถึงเพียงนี้ ไม่น่าเชื่อว่าข้ามผ่านกาลเวลามาหลายปีโดยไม่บุบสลาย

ทว่าเขายังไม่ทันเพ่งพินิจให้ละเอียด รัศมีตัวกระบี่ก็ไม่สว่างเจิดจ้าดังเดิมอีก คล้ายถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทาจางๆ และหม่นหมองไร้ประกายไปทีละนิด

เขาใช้แขนเสื้อคลุมบังสายตาปีศาจเฒ่าเอาไว้อย่างแนบเนียน น่าเสียดายจริง นี่เป็นถึงของวิเศษชิ้นหนึ่งที่ภักดีต่อผู้เป็นนายเท่านั้น เมื่ออยู่ห่างจากผู้เป็นนายก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องประดับหยกมรกตทั่วไป นอกจากจะทำร้ายปีศาจเฒ่าไม่ได้แล้ว ยังจะทำให้ตัวกระบี่เสียหายโดยเปล่าประโยชน์ด้วย

เขามองเด็กสาวสวมหมวกม่านแพรยืนอยู่ในลานกว้าง เรือนร่างงามสะโอดสะองยืนสงบนิ่งกลางแสงสลัว ไม่เห็นวี่แววความตระหนกลนลาน เขาเคยพบหน้าเถิงเซ่าผู้เป็นแม่ทัพเลื่องชื่อพิทักษ์ชายแดนปกป้องบ้านเมืองมาหลายครั้ง กระบี่หยกมรกตเป็นของชั้นเลิศถึงเพียงนี้ คาดว่าเถิงเซ่าคงมอบให้บุตรสาวพกไว้ป้องกันตัว

แต่คุณหนูผู้นี้ท่าทางไม่เหมือนคนรู้วรยุทธ์ ต่อให้มอบกระบี่คืนให้ อาศัยฝีมือของนาง ก็เลิกคิดที่จะเข้าใกล้ปีศาจเฒ่าตนนั้นไปได้เลย

เขาเปลี่ยนความคิดในชั่วพริบตา ยิ้มแย้มพลางพยักหน้ารับ “เป็นกระบี่ดี กระบี่ดี หอเยวี่ยเติงอยู่ไกลเกินไป คุณหนูทำเช่นนี้เหมือนส่งถ่านกลางหิมะข้าเคยจับปีศาจมามากมาย แต่ไม่เคยกินเนื้อปีศาจมาก่อน รอประเดี๋ยว ข้าจะแล่เนื้อมันเป็นชิ้นบางๆ เอามากินเป็นกับแกล้มสุราได้พอดี”

ระหว่างสนทนาก็ถือโอกาสชี้นิ้วเรียกองครักษ์ตรงหน้าประตูมาสองสามคน “พวกเจ้าไปเรือนข้างหน้าเอาน้ำจิ้มเปรี้ยวมาสักหน่อย แล้วก็หิ้วสุราซงเหลาชุนมาสักหลายกาด้วย”

การวางมาดเช่นนี้เหมือนคนจะจับปีศาจที่ใดกัน กลับเหมือนกำลังจะนั่งดื่มสุรากินอาหารในสวนของวังอ๋องมากกว่า แม้องครักษ์จะรู้สึกไม่สบายใจเพียงใด ก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งนายน้อยของตน พวกเขาจ้องมองปีศาจเฒ่าอย่างหวาดระแวงพลางค่อยๆ ขยับถอยหลัง สุดท้ายก็เก็บอาวุธคู่กายแล้วรีบร้อนไปเตรียมการตามคำสั่ง

เถิงอวี้อี้เอ่ยขอร้องว่า “ตอนซื่อจื่อลงมืออย่าลืมเก็บกรงเล็บซ้ายของมันไว้ให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ”

ลิ่นเฉิงโย่วเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย “เจ้าก็อยากเอามันไปแกล้มสุรารึ”

เถิงอวี้อี้ส่ายหน้าปฏิเสธ “ก่อนหน้านี้ข้าได้กรงเล็บขวามันมาแล้ว อยากจะรวบรวมให้ครบคู่ มันทั้งหนังหยาบเนื้อหนา คงเคี้ยวยากเย็นยิ่ง ข้าตั้งใจจะนำไปดองในไหสักระยะหนึ่ง รอให้เนื้อนุ่มหนังกรอบเสียก่อนค่อยเอามาจิ้มกินกับน้ำเชื่อมผิวส้ม”

พวกเขาสองคนขานรับกันเป็นลูกคู่ น้ำเสียงยามสนทนาเหมือนอยู่กันเพียงลำพัง ทำราวกับเห็นปีศาจเฒ่าเป็นกับแกล้มสุราจริงๆ

ตอนนี้ไม่ใช่แค่ปีศาจเฒ่าตนนั้นที่โกรธจัดจนควันออกหู แม้กระทั่งตู้ฮูหยินกับองครักษ์ที่รั้งอยู่คุ้มกันก็ต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 31 .. 66 เวลา 12.00 .

8 of 8หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88

    By

    บทที่ 87 ข้อห้าม กู้หมิงเค่อถูกหลี่เจาเกอยั่วโมโหจากไปแล้ว นางอมยิ้มรับช่วงหลักฐาน เอ่ยกับผู้ใต้บัญชาที่ติดตามนางมา “จงขนสิ่งเหล่านี้กลับกอง...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

    By

    บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่าดำออกจากหมู่บ้านมาก็...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ่า เงาดำสายหนึ่งพลัน...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.4-2.6

    By

    บทที่ 2-4 สามีภรรยาปลอม   6   บนหอทองล่วงเข้ากลางคืนแล้ว รอบด้านล้วนจุดโคมไฟ เปลวไฟลุกโชติช่วง ในมุมที่ซย่าชิงยวนนั่งอยู่นางสามารถมองเห็นสัน...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเร้น ภายใต้ผืนนภาราตร...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.1-2.3

    By

    บทที่ 2-1 สามีภรรยาปลอม   1   เมื่อลู่หย่วนเดินมาถึงหน้าประตูก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ผลักประตูเปิดออก สิ่งที่ทำให้เขาสติหลุดล...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญู เบื้องหน้าท้องพระโ...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com