ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 59
ศาลต้าหลี่
เหยียนว่านชุนเดินออกมาจากห้องเก็บศพแล้วเข้าไปคุยกับลิ่นเฉิงโย่ว “ชายกระโปรงของซูลี่เหนียงกับไป๋ซื่อไม่มีส่วนฉีกขาด เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นคนร้ายไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะใช้ชายกระโปรงมาห่อทารก แต่พอมาถึงคราวของเสี่ยวเจียงซื่อฮูหยินของหรงอันป๋อซื่อจื่อกลับทำอย่างนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าต้องการโยนความผิดให้จวงมู่ ซื่อจื่อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดถึงไม่ประกาศออกไปเลยว่าจับกุมคนร้ายได้แล้ว พอคนร้ายได้ยินว่าพวกเรา ‘หลงกล’ ไม่แน่อาจเผยพิรุธออกมาเร็วกว่าเดิมก็ได้”
ลิ่นเฉิงโย่วมองต้นสนในลานกว้างด้วยสีหน้าครุ่นคิด ผ่านไปชั่วครู่ถึงเอ่ยตอบ “เมื่อคืนข้าหาตำราเกี่ยวกับกลอุบายและภูตผีปีศาจที่ขโมยทารกในครรภ์จากอารามเต๋าหลายแห่งมาอ่านแล้ว หากทำลงไปเพื่อสร้างทารกเดือนดับขึ้นมาจริง คนร้ายไม่มีทางหยุดอยู่เพียงการขโมยทารกรายที่สาม เมื่อใดก่อคดีขึ้นมาอีก การโยนความผิดให้จวงมู่ของคนร้ายก็จะไม่มีความหมายแล้ว คนร้ายฝีมือช่ำชองระดับนี้จะทำเรื่องที่ไม่มีความหมายอะไรไปด้วยเหตุใดกัน ข้ากำลังคิดว่าคนร้ายขุดหลุมพรางตั้งมากถึงเพียงนี้ให้จวงมู่ตกลงไป เพียงเพื่อทำให้ตนเองหลุดพ้นจากข้อสงสัยเท่านั้นหรือ จะมีความหมายลึกซึ้งอื่นแฝงอยู่หรือไม่”
เหยียนว่านชุนตะลึงงัน “นอกจากโยนความผิดให้แล้ว ยังจะทำลงไปเพื่ออะไรอีก”
“ข่มขู่? ตักเตือน?” ลิ่นเฉิงโย่วเอ่ยออกมาอย่างใคร่ครวญพลางเดินลงบันได
เหยียนว่านชุนยิ่งงุนงงสับสน “จวงมู่ก็ถูกจับได้แล้ว คราวนี้การ ‘ข่มขู่’ กับ ‘ตักเตือน’ จะทำไปให้ใครดูเล่า”
“หากยังมีคนอยู่เบื้องหลังจวงมู่เล่า…” ลิ่นเฉิงโย่วกล่าว “เป้าหมายคนร้ายไม่ได้อยู่ที่จวงมู่ กลับพุ่งเป้าไปหาคนที่อยู่เบื้องหลังของจวงมู่ผู้นั้นต่างหาก ข้าเคยถามอาจั้นเถ้าแก่ร้านตีเหล็กโหยวหมี่กุ้ยแล้ว จวงมู่ทำงานทุกเดือนได้เงินห้าร้อยเฉียนเท่านั้น แต่จวงมู่ไม่ใช่เพียงไปดื่มสุราที่ร้านเป็นปกติ ยังเอาเงินไปลงที่บ่อนพนันบ่อยๆ ด้วย แล้วเงินน้อยนิดเพียงห้าร้อยเฉียนจะพอให้เขาผลาญเป็นว่าเล่นได้อย่างไร ก่อนหน้านี้จู่ๆ เขาไปจากฉางอันหนึ่งเดือน ค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางมาจากที่ใดเล่า เห็นได้ชัดเลยว่าร้านตีเหล็กเป็นการหาเลี้ยงชีพบังหน้า เบื้องหลังของเขาจะต้องมีเจ้านายคนอื่นให้รับใช้อีกแน่”
“เรื่องนี้ข้าก็คลางแคลงใจมานานแล้ว” เหยียนว่านชุนชะงักไปชั่วขณะ “จริงสิ ซื่อจื่อตรวจสอบแล้วใช่หรือไม่ว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้จวงมู่ไม่ได้อยู่ในฉางอัน”
ลิ่นเฉิงโย่วเอ่ย “เมื่อวานหลังคุณชายหวังพูดเรื่องนี้ข้าก็สั่งคนไปตรวจสอบแล้ว จวงมู่ออกจากฉางอันไปตั้งแต่วันที่หนึ่งเดือนสามจริงๆ ที่สำคัญออกไปแล้วก็เช่าม้าที่จุดพักม้านอกเมืองตัวหนึ่ง ดูท่าคงจะใช้เพื่อเดินทางไกล ถงโจวกับฉางอันห่างกันไม่ไกลเท่าไร หากจวงมู่ควบม้าเร่งเดินทางจะถึงถงโจวทันภายในวันที่ห้าเดือนสามแน่ แต่สรุปว่าเขาไปก่อคดีหรือว่าไปเพื่อการอื่น เรื่องนั้นคงไม่มีใครรู้ได้ คนอย่างเขาหากจะปลอม ‘หนังสือผ่านด่าน’ ตบตาไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ประจวบเหมาะว่าสองคดีต่อมาจวงมู่ปรากฏตัวอยู่แถวนั้นหมด ดูจากร่องรอยมากมายที่มีอยู่ในที่นั้นคนร้ายจงใจหลอกล่อจวงมู่ไปยังสถานที่เกิดเหตุ แต่ลองเปลี่ยนมามองอีกมุมหนึ่ง หากเป็นเพราะจวงมู่กำลังสืบว่าคนร้ายตัวจริงเป็นใคร ดังนั้นถึงได้ตามหลังคนร้ายมาถึงที่เกิดเหตุหลายต่อหลายครั้งเล่า”
เหยียนว่านชุนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง “ท่านกำลังจะบอกว่าจวงมู่กำลังสะกดรอยตามคนร้าย?”
ลิ่นเฉิงโย่วลูบปลายคาง “ข้าลองคาดเดาดูก่อนเท่านั้น คนร้ายตัวจริงฆ่าคนเพื่อขโมยทารกในครรภ์ ส่วนจวงมู่ทำเพื่อสืบหาคนร้ายตัวจริง คนร้ายสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของจวงมู่ จึงฉวยโอกาสใช้แผนซ้อนแผน สลัดความผิดให้จวงมู่ไปเสียเลย”
“ประเดี๋ยวก่อน…ประเดี๋ยวก่อนนะ…” เหยียนว่านชุนพยายามจัดระเบียบความคิดของตนเอง “อย่าเพิ่งพูดว่าคนร้ายตัวจริงวางกับดักได้อย่างไร จวงมู่เป็นเพียงอันธพาลผู้หนึ่งในตลาดตะวันตก จะรู้ล่วงหน้าได้อย่างไรว่าคนร้ายตัวจริงจะก่อคดี”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว” ลิ่นเฉิงโย่วลังเลเล็กน้อย “ก่อนอื่นเขาอาจไม่รู้ว่าคนร้ายตัวจริงหน้าตาเป็นเช่นไร แล้วก็อาจไม่รู้ด้วยว่าคนร้ายตัวจริงกำลังทำอะไรอยู่ บางทีเขาเพียงรับคำสั่งจากใครให้ไปสืบเรื่องนี้ หรือไม่คงไปตามหาของอะไรบางอย่าง…มิหนำซ้ำวันเวลาที่เขาเริ่มลงมือสืบอาจเป็นช่วงก่อนเกิดคดีฆาตกรรมที่ถงโจวก็ได้”
“ในเมื่อคนร้ายพบว่าจวงมู่ถึงกับตามสืบเรื่องของตนเองอยู่ เหตุใดถึงไม่ฆ่าปิดปากเขาไปเลยเล่า วางกับดักเช่นนี้ไม่กลัวว่าจวงมู่จะสารภาพสิ่งที่พบเห็นจากการสะกดรอยช่วงหลายวันมานี้ให้ศาลต้าหลี่รู้จนหมดเปลือกหรือ”
ลิ่นเฉิงโย่วขบคิดแล้วเอ่ยว่า “คนร้ายตัวจริงกล้าทำถึงเพียงนี้ ย่อมมั่นใจว่าไม่มีจุดอ่อนอะไรตกอยู่ในกำมือจวงมู่ แต่ขอเพียงจวงมู่ถูกจับกุม พวกเราก็จะเริ่มสืบจากจวงมู่แล้วสาวไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง เช่นนี้คนร้ายตัวจริงไม่ต้องสิ้นเปลืองกำลังคนของตนเอง ก็สามารถยืมมือของศาลต้าหลี่ลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังจวงมู่ออกมาได้”
“ซื่อจื่อหมายความว่า…”
ลิ่นเฉิงโย่วคลี่ยิ้ม “คนร้ายตัวจริงก็อยากรู้มากว่าคนผู้นั้นที่อยู่เบื้องหลังจวงมู่คือใคร”
เหยียนว่านชุนนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ พอเห็นลิ่นเฉิงโย่วจะเดินออกไปแล้ว เขาก็รีบเดินตามหลังอีกฝ่าย “ข้าเข้าใจแล้ว คดีนี้เกี่ยวพันกับคนสองกลุ่ม คนกลุ่มแรกคือคนร้ายตัวจริง ส่วนคนอีกกลุ่มคือจวงมู่กับคนที่อยู่เบื้องหลัง เมื่อวานจวงมู่ถูกจับกุมคาหนังคาเขากลับบอกเบาะแสของทารกในครรภ์ไม่ได้ ศาลต้าหลี่จะสืบต่อไปเพื่อให้ได้หลักฐานการกระทำความผิดที่สมบูรณ์ จนกว่าจะสืบรู้ตัวตนของจวงมู่กระจ่างชัด…กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนใช้ได้ชำนิชำนาญทีเดียว”
“นี่เป็นการคิดคำนวณมาดีพอแล้ว” ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มเยาะ “เพียงแต่คนร้ายตัวจริงไม่คิดว่าเมื่อวานคุณชายหวังจะบุกเข้าไปในห้องปลีกวิเวก ตอนนั้นเขาดักซุ่มอยู่ในห้องประเดี๋ยวหนึ่งก็หนีออกไป คงลังเลว่าจะจู่โจมคุณชายหวังดีหรือไม่ หากอยู่ต่อเพื่อจู่โจมคุณชายหวัง ก็จะไม่มีเวลามากพอไปโยนความผิดให้จวงมู่ สองจิตสองใจ สุดท้ายทำได้เพียงรีบร้อนหนีออกไป ตอนนั้นในห้องปลีกวิเวกมืดทึบ คนร้ายมั่นใจในวิชาแปลงโฉมกับการแต่งกายของตนเองมาก เขามั่นใจว่าคุณชายหวังมองไม่ออกว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเขากับจวงมู่มีส่วนใดไม่เหมือนกัน แต่คาดไม่ถึงว่าคุณชายหวังจะมีความรู้เรื่องเครื่องหอมมากพอสมควร ดมกลิ่นจนรู้ว่ามี ‘อวลกลิ่นธารสวรรค์’ อันหาได้ยากปะปนอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ อีกทั้งยังมีความละเอียดรอบคอบ สังเกตเห็นว่าบนชุดเขามีรอยขาดเป็นรูโหว่ เมื่อมีข้อพิรุธตรงจุดนี้แล้วพวกเราถึงรู้ว่าจวงมู่ไม่ใช่คนร้ายตัวจริง”
เหยียนว่านชุนพยักหน้าด้วยความเข้าใจทันที “มิน่าเล่าเมื่อคืนพอซื่อจื่อกลับมา ก็สั่งคนให้กระจายกำลังออกตรวจสอบสตรีตั้งครรภ์ในเมืองหลวง คดีประหลาดสองสามคดีนี้เป็นที่โจษจันไปทั่วเมืองแล้ว สตรีที่กำลังตั้งครรภ์พวกนั้นหวั่นเกรงว่าตนเองตกอยู่ในอันตราย ทางการทำเช่นนี้ทั้งสามารถปลอบใจชาวบ้าน ทั้งสามารถบอกคนร้ายตัวจริงว่าศาลต้าหลี่ไม่ได้หลงกลเขา คนร้ายรู้ว่ากับดักที่ตนเองทุ่มเทวางแผนแทบตายมีคนจับได้ไล่ทัน แผนการที่เหลือต่อจากนี้ก็พลอยวุ่นวายไปด้วย พอวุ่นวายแล้วย่อมเกิดความผิดพลาดได้ง่าย”
ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มบางๆ ใช่แล้ว ข้าจงใจเพิ่มความยุ่งยากให้คนร้ายตัวจริง
คนที่อยู่เบื้องหลังจวงมู่ล่วงรู้ว่าจวงมู่ถูกจับกุม ไม่นานก็จะเข้าใจว่าเป็นกับดักที่คนร้ายตัวจริงวางไว้ ในเมื่อคนผู้นี้ใช้งานยอดฝีมืออย่างจวงมู่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ตอบโต้กลับ คนผู้นี้อยู่ในที่ลับ คนร้ายตัวจริงอยู่ในที่แจ้ง คนร้ายตัวจริงทั้งเตรียมป้องกันการไล่ตามตรวจสอบจากทางการ ทั้งต้องระวังคนเบื้องหลังจวงมู่จะจัดการตนเอง ในขณะเดียวกันยังต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจรวบรวมทารกเดือนดับ จะว่าไปแล้วคงยุ่งยากน่าดูชม คนเราพอยุ่งจนหัวหมุนก็จะเผยช่องโหว่ออกมาอย่างง่ายดาย พวกเราจะคอยสังเกตการณ์ไปเงียบๆ แล้วกัน
“พี่เหยียน พวกเราไปสอบสวนจวงมู่กันก่อนเถอะ” ลิ่นเฉิงโย่วสาวเท้าเดินไปทางคุกหลวง
เหยียนว่านชุนถอนหายใจ “เมื่อคืนมัวแต่ยุ่งกับการตรวจสอบเรื่องสตรีตั้งครรภ์ในเมือง จึงไม่มีเวลามาสอบสวนจวงมู่ เดิมทีนึกว่าปล่อยเขาทิ้งเอาไว้คืนหนึ่งจะต้องมีเรื่องสารภาพมากมายแน่ แต่เมื่อเช้าข้าไปสอบสวนเขาดู คนผู้นี้ริมฝีปากอย่างกับแผ่นเหล็กแข็งๆ ยังไม่ยอมเปิดปากสักที”