ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 59
ภายในคุกใต้ดิน จวงมู่นั่งหลับตาอยู่ในกรงขัง
นอกกรงขังมีเครื่องพันธนาการซ้อนทับหลายชั้น แท่งเหล็กสีเข้มสะท้อนประกายแข็งกระด้างดั่งก้อนหิน นี่เป็นกรงเหล็กชนิดพิเศษที่ศาลต้าหลี่ใช้คุมขังนักโทษคดีร้ายแรงโดยเฉพาะ ชิ้นส่วนกลไกแต่ละชิ้นล้วนเป็นผลงานที่เหล่าช่างฝีมือนับร้อยทุ่มเทสร้างขึ้นมา คนที่ถูกขังอยู่ในกรงต่อให้มีพละกำลังมหาศาล ก็อย่าคิดว่าจะหลบหนีไปได้
จวงมู่ถูกมัดอย่างแน่นหนา ในปากยังมีเศษผ้าอุดไว้ ยกเว้นดวงตาคู่หนึ่งที่ยังกลอกไปมาอย่างอิสระ เขาไม่มีส่วนใดบนร่างกายที่ขยับเขยื้อนได้แล้ว
นอกจากนี้นอกกรงเหล็กยังมีเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่สี่คนโอบล้อมอยู่
เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่จับกลุ่มคุยเรื่องสัพเพเหระ เหลือบมองจวงมู่ที่อยู่ในกรงเหล็กเป็นครั้งคราว เตรียมพร้อมไว้ทุกด้านถึงเพียงนี้ไม่ใช่กลัวว่าจวงมู่จะหลบหนี แต่ป้องกันเขาฆ่าตัวตายด้วยสารพัดวิธีแปลกประหลาดต่างหาก
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากนอกประตูเดินเข้ามาใกล้ พอประตูเปิดออกก็มีกลิ่นหอมเบาบางลอยเข้ามาในห้อง เหล่าเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ชะโงกหน้ามอง ก็เห็นลิ่นเฉิงโย่วกับเหยียนว่านชุนเข้ามาพร้อมเจ้าหน้าที่อาวุโสผู้หนึ่ง
เจ้าหน้าที่อาวุโสยกถาดใบหนึ่งซึ่งวางน้ำแกงป๋อทัวที่มีควันร้อนลอยฉุยไว้ห้าชาม รวมถึงอาหารอีกหลายอย่าง ทั้งขนมเปี๊ยะไส้เนื้อ เกี๊ยวนึ่ง แต่ละจานล้วนสิ่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย
เจ้าหน้าที่อาวุโสร้องเรียกเจ้าหน้าที่สี่คนนั้นอย่างกระตือรือร้น “ทุกคนมากินอาหารเช้าเถอะ ไม่ต้องขอบคุณข้า อาหารเช้านี้เจ้าหน้าที่สืบสวนลิ่นเป็นคนเลี้ยงเอง”
เจ้าหน้าที่เหล่านั้นส่งเสียงฮือฮา ยื้อแย่งกันเข้ามานั่งที่โต๊ะ ยังไม่ลืมเอ่ยปากถาม “เจ้าหน้าที่สืบสวนลิ่น เจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียน พวกท่านไม่กินด้วยหรือ”
เหยียนว่านชุนยิ้มแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนเดินมาที่โต๊ะสำหรับจดบันทึกคำสารภาพของนักโทษ ตลบชายเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งลง
ลิ่นเฉิงโย่วกลับเดินมาถึงหน้ากรงเหล็ก ย่อตัวลงมองหน้าจวงมู่ “หิวแล้วสิ?”
กลิ่นหอมลอยอวลเข้าไปในโพรงจมูกเป็นระลอก ลองเปลี่ยนเป็นผู้ใดก็น้ำลายสอทั้งนั้น การควบคุมตนเองของคนเรามักจะอ่อนแอที่สุดยามหิวโหย แต่เห็นได้ชัดว่าจวงมู่ผ่านการเคี่ยวกรำมาอย่างโชกโชน ประหนึ่งภิกษุผู้ชราภาพเข้าสู่สมาธิ ไม่แสดงท่าทีตอบสนองต่อคำพูดของลิ่นเฉิงโย่วแม้แต่น้อย
“ไม่ได้กินอะไรมาวันหนึ่งแล้ว เป็นเช่นนี้ต่อไปจะทนไม่ไหวได้นะ” ลิ่นเฉิงโย่วเอ่ยยิ้มๆ “ไม่อย่างนั้นเอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าทิ้งอาหารเช้าเอาไว้ให้เจ้าชุดหนึ่ง เอาไว้พวกเราคุยกันจบแล้วข้าจะส่งอาหารเข้าไปให้เจ้าเลย”
จวงมู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ประกายในดวงตาฉายแววเสียดสีและหยามหยัน
ลิ่นเฉิงโย่วร้องอุทานคำหนึ่ง “ข้ารู้แล้ว เจ้าไม่กลัวอด และยิ่งไม่กลัวตาย”
ไม่ทันรอให้จวงมู่แสดงอาการตอบสนอง ลิ่นเฉิงโย่วกลับหัวเราะขึ้นเบาๆ
“ตอนแรกก็เลอะเลือนแบกหม้อดำแทนคนอื่น ยังตามด้วยเลอะเลือนจนอดตายในคุก เจ้าไม่รู้สึกว่าน่าแค้นใจ แต่ข้ากลับแค้นใจแทนเจ้าเสียอย่างอดไม่ได้ หากข้าเป็นเจ้า ต่อให้ตาย ก็ต้องสืบให้รู้ความจริงก่อนว่าใครใส่ร้ายตนเอง”
เสียงพูดประโยคนี้แผ่วเบาจนได้ยินกันเพียงสองคน สีหน้าจวงมู่พลันแข็งทื่อไป ชั่วอึดใจเดียวสายตาประชดประชันเด่นชัดก็มีความตกตะลึงเข้ามาแทนที่
“ใช่ ข้ารู้ว่าเจ้าถูกใส่ร้าย” รอยยิ้มในดวงตาลิ่นเฉิงโย่วยังไม่จางหาย “ตอนนี้นอกจากข้า ไม่มีใครช่วยลบล้างความผิดให้เจ้าได้แล้ว”
แววตาจวงมู่เกิดรอยกระเพื่อมไหวเล็กๆ คล้ายว่ายังคงลังเล แต่ก็เหมือนกำลังคิดไตร่ตรอง ทันใดนั้นราวกับนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงหลับตาลงอีกครั้ง
ลิ่นเฉิงโย่วไม่รีบร้อน เขาเบนสายตาไปทางอื่น มองดูมือที่มีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ของจวงมู่ “ให้ข้าลองคาดเดาดูแล้วกัน เมื่อวานเจ้าวิ่งไปถึงกลางตรอกด้านหลังร้านเครื่องหอมคงคิดจะค้นหาอะไรบางอย่าง ผลปรากฏว่าหาของไม่เจอ และคนร้ายขุดหลุมพรางไว้รอเจ้าอยู่แต่แรก ก่อนหน้านี้เจ้าถ่อไปถงโจว ก็เพราะได้รับการว่าจ้างไปจัดการธุระ กลับไม่รู้ว่าตอนนั้นคนร้ายตัวจริงก็วางแผนจะจัดการเจ้าด้วย”
จวงมู่เบิกตาโพลงทันควัน เทียบกับช่วงก่อนหน้าที่มีท่าทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คราวนี้สายตาซับซ้อนกว่าเดิมไม่น้อย เขามองลิ่นเฉิงโย่วอย่างตะลึงงัน ราวกับเริ่มต้นประเมินเด็กหนุ่มตรงหน้าเสียใหม่
“ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง” ลิ่นเฉิงโย่วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าถูกอีกฝ่ายหลอกจนหัวหมุน แล้วยังต้องแบกความผิดฐานฆ่าคนตายแทนเขา จวงมู่ เจ้ากล้ำกลืนความแค้นครั้งนี้ไม่ลงกระมัง คนร้ายตัวจริงน่ารังเกียจปานนี้ ไม่คิดจะร่วมมือกับข้าสักหน่อยหรือ”
แววตาจวงมู่เป็นประกายวาววับ ทว่าเหม่อลอยไปเพียงครู่เดียว ความลังเลในดวงตาก็มีความหวาดระแวงเข้ามาแทนที่
ลิ่นเฉิงโย่วจ้องหน้าจวงมู่ตาไม่กะพริบ พอเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา “ใช่แล้ว ข้าสนใจความลับที่ติดตัวเจ้ามามากเชียว แต่เทียบกับเรื่องนี้แล้วตอนนี้ข้าอยากจับกุมคนร้ายตัวจริงให้เร็วที่สุดมากกว่า เจ้าต้องการแก้แค้น ข้าต้องการจับคน พวกเราต่างมีสิ่งที่ต้องการ…ว่าอย่างไร จะร่วมมือกับข้าหรือไม่ คนร้ายตัวจริงใช้อุบายหลอกทั้งศาลต้าหลี่ทั้งเจ้า จวงมู่ พวกเรามาหลอกเขากลับบ้าง เจ้าเห็นว่าเป็นเช่นไร”
* เสมหะอุดตันหัวใจ เป็นโรคทางจิตใจที่เกิดจากความหม่นหมองและกลัดกลุ้มใจ มักปรากฏอาการอารมณ์เก็บกดแปรปรวน มีภาวะหลงลืมไม่รู้ตัว มีเสียงเสมหะในลำคอ แน่นหน้าอก เป็นต้น
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 23 ก.ย. 66 เวลา 12.00 น.