บทที่ 60
ลิ่นเฉิงโย่วกับเหยียนว่านชุนเดินตามกันออกมาจากคุก
เหยียนว่านชุนขมวดคิ้วเป็นปมแน่น “ไม่คิดว่าพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว คนผู้นี้จะยังไม่ยอมเปิดปาก”
ลิ่นเฉิงโย่วกลับยังสงบเยือกเย็น คนเราจะแสร้งปั้นหน้าหลอกลวงอย่างไร ดวงตามักเผยพิรุธออกมาเสมอ สายตาของจวงมู่เมื่อครู่กำลังบอกเขาว่าถึงแม้ยังไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด อย่างน้อยจิตใจก็เริ่มสั่นคลอนบ้างแล้ว ต่อจากนี้เพียงเติมเชื้อไฟเพิ่มก็สิ้นเรื่อง
“รออีกประเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งสุราอาหารมาให้จวงมู่ เอาให้เขาดมกลิ่นแล้วเก็บกลับไปเสีย คอยผลัดกันมาอย่างนี้ อย่าปล่อยให้เขาอยู่ว่างๆ เป็นอันขาด”
เหยียนว่านชุนยังคลางแคลงใจ “คนผู้นี้หัวแข็งเป็นก้อนหิน วิธีเช่นนี้จะได้ผลหรือ”
“ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร” ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มร่า “เวลาคนเราตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย สุราอาหารไม่มีทางทำให้เขาหวั่นไหวได้ แต่วันใดอยากมีชีวิตอยู่ต่อขึ้นมา พอได้เผชิญหน้ากับสุราอาหารรสเลิศเหล่านี้อีกครั้งจะเป็นช่วงที่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ข้าคิดว่าอย่างมากที่สุดคงทนได้ถึงคืนนี้ เขาต้องให้คนมาตามข้าแน่”
เหยียนว่านชุนได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึงงันไป
ลิ่นเฉิงโย่วกล่าวขึ้นว่า “จริงสิ พี่เหยียน ข้าต้องออกไปข้างนอกเสียหน่อย”
“ไปจวนหรงอันป๋อใช่หรือไม่ รอประเดี๋ยวนะ ข้ากลับห้องพักไปเปลี่ยนชุดก่อน” เหยียนว่านชุนถูใบหน้าของตนไปมา พยายามเรียกสติตนเองให้สดชื่นแจ่มใสขึ้น
ลิ่นเฉิงโย่วชะงักฝีเท้า “พี่เหยียนยุ่งกับงานมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”
เหยียนว่านชุนโบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไร คดีนี้มีส่วนที่น่าปวดหัวตั้งมากมาย มีคนช่วยตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกคน ก็จะมีโอกาสพบเบาะแสเพิ่มมากขึ้นนะ”
ลิ่นเฉิงโย่วไม่ได้สานต่อบทสนทนา เหยียนว่านชุนนิสัยขยันขันแข็งและซื่อตรง มักใช้เวลาอยู่ในที่ว่าการต่อเนื่องหลายวันเพื่อสืบคดีอยู่บ่อยๆ หากยังขัดขวางไม่ยอมให้ไปใช่ว่าจะทำได้สำเร็จ เขาจึงเอ่ยยิ้มๆ “คดีนี้เกี่ยวข้องกับวิชามารและภูตผีปีศาจ คนธรรมดาไม่แน่ว่าจะมองพิรุธออก ข้าเชิญนักพรตอารามตงหมิงไปดูที่ตรอกชุนอันด้วยกันกับข้าแล้ว พี่เหยียนไม่จำเป็นต้องไปด้วยก็ได้ หลังไปตรอกชุนอันเสร็จแล้วข้ายังต้องไปหามุขมนตรีเจิ้งด้วย”
“มุขมนตรีเจิ้ง?”
“ซูลี่เหนียงเป็นสตรีที่มุขมนตรีเจิ้งเลี้ยงดูอยู่นอกจวน ชะตาแปดอักษรของนางรวมถึงเรื่องราวในอดีตตอนอยู่ที่บ้านเกิดไม่มีใครรู้รายละเอียดแน่ชัด อย่างน้อยมุขมนตรีเจิ้งคงรู้มากกว่าคนอื่น” ลิ่นเฉิงโย่วว่าต่อ “หลังคนร้ายฆ่าคนในถงโจวแล้ว ก็รีบกลับมาก่อคดีที่ฉางอัน เป้าหมายแรกที่ลงมือบังเอิญว่าเป็นซูลี่เหนียง ข้าต้องตรวจสอบให้กระจ่างว่าเพราะเหตุใดคนร้ายถึงเลือกนาง”
ทั้งสองเรื่องนี้ต้องให้ลิ่นเฉิงโย่วไปด้วยตนเองถึงจัดการได้ราบรื่น คนนอกอยากช่วยก็ไม่รู้จะยื่นมือเข้าแทรกตรงที่ใด เหยียนว่านชุนยิ้มเจื่อนกำลังจะเอ่ยตอบ เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ผู้หนึ่งพลันเดินเข้ามาหาพอดี “เจ้าหน้าที่สืบสวนลิ่น สองนักพรตน้อยมาถึงแล้ว”
ลิ่นเฉิงโย่วเดินออกจากศาลต้าหลี่ มองเห็นรถม้าของอารามชิงอวิ๋นอยู่หน้าประตูจริงดังคาด
เจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อยืนอยู่ข้างรถม้า ส่วนข้างกายพวกเขายังมีหนุ่มน้อยแปลกหน้าอยู่อีกคน
“ศิษย์พี่” เจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อวิ่งเข้ามาใกล้ เขย่งเท้ากระซิบข้างหูเขาสองสามประโยค
ตู้เซ่าถัง? ลิ่นเฉิงโย่วมองสำรวจหนุ่มน้อยตรงหน้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
ตู้เซ่าถังรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ทว่าพอนึกถึงสิ่งที่พี่อวี้สั่งกำชับเอาไว้ เขาก็ลอบยืดหลังขึ้นมาเงียบๆ ก่อนกระแอมกระไอให้คอโล่ง แล้วประสานมือคารวะลิ่นเฉิงโย่ว “ข้า…ข้าน้อยผู้แซ่ถังมีเรื่องด่วนอยากพบซื่อจื่อ ขอเชิญซื่อจื่อมาคุยกันทางนี้สักครู่ขอรับ”
ลิ่นเฉิงโย่วตระหนักดีว่ามีบางอย่างผิดปกติ “อย่างนั้นขึ้นไปคุยบนรถม้าเถอะ”
ไหนเลยจะรู้ว่าพอเลิกผ้าม่านรถม้ากลับมองเห็นกล่องอาหารกินพื้นที่ไปครึ่งคันรถ วางเรียงซ้อนกันเป็นกล่องๆ จนเต็มเบาะฝั่งหนึ่งไปเลยทีเดียว
“นี่มันอะไรกัน” ลิ่นเฉิงโย่วหันกลับไปปรายตามองเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อ
เจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อกำลังหวาดหวั่นใจอยู่บ้างเพราะแอบรับของขวัญจากเถิงอวี้อี้มาโดยพลการ ได้ยินดังนั้นก็ฝืนยิ้มอย่างลำบากใจ “ขนมที่คุณหนูเถิงให้พวกเรามา”
ชี่จื้อรีบกล่าวเสริมว่า “คุณหนูเถิงกินขนมซานชิงของพวกเราแล้วชอบมาก จึงยืนกรานจะมอบของขวัญตอบแทนให้ได้ ข้ากับเจวี๋ยเซิ่งไม่รับไว้ก็เกรงใจแย่เลยขอรับ…”
ลิ่นเฉิงโย่วจ้องมองขนมกองนั้นเงียบๆ คาดเดาได้อยู่แล้วว่าเถิงอวี้อี้เป็นคนให้มา ของขวัญตอบแทนมากปานนี้ไม่มีทางเตรียมให้ในตอนเช้าได้ทันหรอก คงรู้ว่าเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อชอบกินขนม จึงตั้งใจจะให้พวกเขาแต่แรกแล้ว แต่ให้มามากถึงเพียงนี้ในคราวเดียวไม่กลัวว่าเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อจะกินจนจุกท้องหรือ
เจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อหวั่นเกรงว่าศิษย์พี่จะตำหนิตนเอง กำลังร้อนใจเตรียมถ้อยคำมาแก้ต่าง ลิ่นเฉิงโย่วกลับปล่อยผ้าม่านลง ก่อนส่งยิ้มพร้อมกล่าวกับตู้เซ่าถังว่า “คุณชายถัง มาคุยกันทางนี้เถอะ”
พอเดินไปถึงมุมเงียบสงัดไร้ผู้คน ตู้เซ่าถังก็เล่าเรื่องทั้งหมดออกมาอย่างละเอียดไม่มีตกหล่น