ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 61
อู่ฉี่เอ่ยปากเล่า “พูดถึงเรื่องนี้ ครั้งก่อนข้าเข้าวังไปเคยฟังองค์หญิงชางอี๋เล่าเรื่องชวนหัวร่อเรื่องหนึ่งมา เห็นว่ามีครั้งหนึ่งจวิ้นอ๋องไปดื่มสุราที่จวนของมุขมนตรีเจิ้ง ได้ยินเสียงคนเป่าขลุ่ยตี๋** จากอีกฟากกำแพง จวิ้นอ๋องเอ่ยขึ้นว่าคนผู้นั้นนั่งเป่าขลุ่ยอยู่บนแผ่นหิน มุขมนตรีเจิ้งไม่เชื่อ สั่งบ่าวไพร่ให้ไปสอบถามเพื่อนบ้านข้างเคียง ผลปรากฏว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ จากเรื่องนี้เห็นชัดเจนว่าจวิ้นอ๋องมีความสามารถในการจดจำเสียงและแยกแยะท่วงทำนองเก่งกาจเพียงใด องค์หญิงชางอี๋ยังตรัสว่าทั่วเมืองฉางอันมีเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียวที่ประชันกับเสียงพิณของจวิ้นอ๋องได้ นั่นก็คือขลุ่ยที่ทำจากหยกเลาหนึ่ง พวกเจ้าลองทายดูสิว่าผู้ที่สามารถเป่าขลุ่ยตี๋ประชันกับพิณจวิ้นอ๋องได้คือผู้ใด”
ดูท่ามีเด็กสาวจำนวนไม่น้อยก็รู้เรื่องนี้ พวกนางเพียงยิ้มหวานหน้าแดง พอแววตาอู่ฉี่มองไล่เรียงจากซ้ายไปขวารอบหนึ่งกลับไม่เห็นใครตอบนางเลยสักคน
แม้เถิงอวี้อี้เล่นสนุกอยู่บนชิงช้า แต่ความสนใจก็ไปอยู่ทางนั้น พอได้ยินประโยคนี้แล้วอดงุนงงไม่ได้
จากนั้นจึงได้ยินนักพรตหญิงอาวุโสเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เป็นเฉิงอ๋องซื่อจื่อกระมัง ปกติซื่อจื่อน้อยจะมาเล่นที่วังจวิ้นอ๋องบ่อยๆ ฝีมือการเป่าขลุ่ยตี๋ทั้งทรงพลังและสง่างาม น่าเสียดายช่วงหนึ่งปีมานี้แทบไม่ได้ยินเสียงอีกเลย ได้ยินว่าซื่อจื่อน้อยไปเป็นขุนนางอยู่ในศาลต้าหลี่แล้ว ปกติงานยุ่งมากจึงไม่มีเวลามาเที่ยวเล่น”
ลิ่นเฉิงโย่ว?
เถิงอวี้อี้เคยเห็นลิ่นเฉิงโย่วถือขลุ่ยหยกมาก่อนตอนที่นางอยู่บนชายคาหอไฉ่เฟิ่ง เดิมทีนึกว่าเขาเอามาถือเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีความสามารถในเรื่องนี้อย่างถ่องแท้
สายตาเด็กสาวทั้งหลายมองไปทางกำแพงทิศตะวันตกอย่างห้ามไม่อยู่ น่าเสียดายฟังมาครู่หนึ่งแล้วกลับมีเพียงเสียงพิณดังอ้อยอิ่ง ไร้เสียงขลุ่ยตี๋ประสานเคลียคลอ
ตู้ถิงหลันเงยหน้ามองเถิงอวี้อี้แวบหนึ่ง น้องสาวมีทักษะการดีดพิณเป็นเลิศ จะต้องสัมผัสได้ถึงความยอดเยี่ยมของเสียงพิณนี้แน่ น่าเสียดายตั้งแต่ท่านน้าล้มป่วย น้องสาวแทบไม่เคยพูดคุยเรื่องท่วงทำนองดนตรีต่อหน้าใครอีกเลย นิสัยเช่นนี้ของน้องสาวแม้แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้
นางกล่าวเสียงนุ่มนวล “เครื่องดนตรีนอกจากพรสวรรค์กับการฝึกฝนแล้ว ยังต้องอาศัยกำลังภายในควบคุมลมหายใจ ข้าคิดว่าที่เสียงขลุ่ยตี๋ของเฉิงอ๋องซื่อจื่อสามารถประชันกับเสียงพิณของจวิ้นอ๋อง หนีไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ เมื่อครู่ซานเหนียงไล่ตามเสียงพิณไม่ทัน หากจะแพ้ก็แพ้กันที่กำลังภายใน แต่หากเอ่ยถึงฝีมือแล้วความจริงไม่ได้แม้แต่น้อย”
ทุกคนพลันนิ่งอึ้งไป
เจิ้งซวงอิ๋นเห็นด้วยกับความคิดนี้อย่างยิ่ง นึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนตู้ถิงหลันเป็นผู้คว้าอันดับหนึ่งไปได้ เมื่อมองหน้าตู้ถิงหลันอีกครั้งดวงตาจึงฉายแววเข้าใจและเลื่อมใสเพิ่มขึ้นหลายส่วน
หลี่ไหวกู้กล่าวอย่างถ่อมตน “ฝีมือต่ำต้อยของข้าย่อมไม่กล้าเทียบกับสองท่านนั้นอยู่แล้ว”
เถิงอวี้อี้ปรายตามองหลี่ไหวกู้ด้วยสายตาแฝงความนัยลึกซึ้ง สุดท้ายก็ออกแรงไกวชิงช้าต่อ นางค้นพบโดยบังเอิญว่านอกป่าดอกท้อยังมีต้นอิ๋นซิ่ง* สูงตระหง่านเสียดฟ้าสองต้น ยามคนอยู่ใต้ต้นไม้จะมองไม่เห็นพิรุธใด เวลานี้เมื่อระยะสายตาอยู่ในระดับสูงถึงมองออกว่าต้นอิ๋นซิ่งสองต้นหันเข้าหากันแต่ไกล กลับดูคล้าย…
เถิงอวี้อี้ร้องเอ๊ะในใจขึ้นมาคำหนึ่ง ใครต่อใครล้วนบอกกล่าวกันว่าการวางโครงสร้างของอารามนักพรตหญิงอวี้เจินซุกซ่อนกลไกลี้ลับไว้ หรือจะเป็นกลไกนี้…
ในตอนนี้เองมีคุณหนูหลายคนเดินเข้ามาต่อแถว แต่ละคนแหงนหน้าเร่งรัดเถิงอวี้อี้ “คุณหนูเถิง ถึงตาพวกเราเล่นบ้างแล้ว”
เถิงอวี้อี้ยิ้มกว้างแล้วกล่าวคำหนึ่งว่า “ได้”
จากนั้นนางก็จับเชือกแขวนไว้แน่น ก่อนกระโดดลงจากชิงช้า
ลิ่นเฉิงโย่วลงจากหลังม้าหน้าประตูหอซิ่งฮวา แล้วมุ่งหน้าตรงขึ้นไปบนชั้นสอง เดินหามาถึงห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ก็พบเจี้ยนเทียนกับเจี้ยนเซียนรออยู่ข้างในแล้ว
นักพรตเฒ่าทั้งสองลุกขึ้นมาปิดประตูด้วยท่าทางมีลับลมคมในพลางกระซิบบอกลิ่นเฉิงโย่วว่า “ของที่ซื่อจื่อต้องการอยู่ที่นี่หมดแล้ว”
ลิ่นเฉิงโย่วตลบชายเสื้อคลุมนั่งลง มองเห็นของกองใหญ่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ ดูลักษณะค่อนข้างเก่าคร่ำคร่า ด้านบนสุดคือบันทึกเรื่องลี้ลับหลายเล่ม
เขาลองพลิกตำราคร่าวๆ “ทั้งหมดนี้จดบันทึกเกี่ยวกับทารกเดือนดับ?”
เจี้ยนเทียนชิงเอ่ยปากก่อน “ใช่แล้ว เมื่อใดหลอมรวมเป็นทารกเดือนดับขึ้นมาได้จะต้องมีหายนะร้ายแรงตามมาไม่สิ้นสุดแน่นอน ทารกปีศาจพวกนี้จิตใจบริสุทธิ์ หากจดจำว่าใครเป็นมารดาตนเองขึ้นมาแล้วจะต้อง…”
ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มพลางกล่าวตัดบทนักพรตเฒ่า “เรื่องพวกนี้ที่ผู้อาวุโสพูดมาข้าเข้าใจแล้ว แต่ข้าพลิกดูบันทึกที่เกี่ยวข้องมาหมดแล้ว ไม่มีตรงใดจดเอาไว้เลยว่าทารกเดือนดับส่งเสียงร้องไห้ได้ แต่จนถึงตอนนี้คดีฆาตกรรมต่อเนื่องผ่าท้องชิงทารกทั้งสามครั้งต่างมีคนได้ยินเสียงทารกร้องไห้ตอนเกิดเหตุ วันนี้เชิญผู้อาวุโสทั้งสองมา ก็เพราะอยากขอคำชี้แนะว่าเป็นเพราะสาเหตุใดกัน”
เจี้ยนเทียนนิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก เจี้ยนเซียนกลับเอ่ยว่า “เรื่องนี้อธิบายไม่ยากเลย เจ้าลองคิดดูสิ ในอดีตเวลาทารกเดือนดับออกอาละวาด ผู้อาวุโสรุ่นก่อนรู้หลังเกิดเรื่องทั้งสิ้น พวกเขายุ่งกับการปราบภูตผีปีศาจ จะรู้สภาพการณ์ตอนทารกเดือนดับออกจากร่างมารดาได้อย่างไร บางทีพวกเขาออกมาก็ร้องไห้ได้ทันทีเลย”
ลิ่นเฉิงโย่วยกมือขึ้นปิดบันทึกลี้ลับ “นอกจากประเด็นที่ว่าไป หลายคดีนี้ยังมีข้อสงสัยยากจะอธิบายหลายเรื่อง เพราะเหตุใดคดีแรกถึงเป็นที่ถงโจว แต่คดีที่สองก็กลับมาเกิดที่ฉางอันเล่า เมืองถงโจวไม่มีสตรีตั้งครรภ์หรือไร เหตุใดคนร้ายต้องวิ่งวุ่นกลับไปกลับมาสองเมืองด้วย”
“เอ่อ…”
ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มบางๆ “เรื่องนี้ข้าพอจะรู้สาเหตุบ้างแล้ว เมื่อคืนข้าตรวจสอบบันทึกเส้นทางของถงโจว โรงเตี๊ยมแห่งนั้นอยู่ตรงกลางระหว่างถงโจวกับฉางอัน ชื่อโรงเตี๊ยมจวีอัน พวกท่านลองทายดูสิว่าเพราะเหตุใดโรงเตี๊ยมแห่งนั้นถึงชื่อ ‘จวีอัน’ ”
“ชื่อนี้…” เจี้ยนเทียนกับเจี้ยนเซียนหันมาสบตากัน “หรือว่าตั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล”