ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 62
เถิงอวี้อี้กุมกระบี่เสี่ยวหยาไว้มั่นขณะแยกแยะทิศทาง เมื่อครู่ภิกษุรูปนั้นใช้อาคมปีศาจจับตัวนางมา เดิมทีนางนึกว่าจะกลับเข้ามาในป่าท้ออีก ไม่คิดว่าพอเท้าแตะพื้น สองฝั่งกลับเป็นผนังหินแคบยาว บนผนังหินทุกระยะสองสามก้าวจะจุดตะเกียงติดผนังไว้ดวงหนึ่ง เปลวไฟวูบไหวเล็กน้อย ส่องแสงให้ทางเดินเบื้องหน้าแลดูมืดสลัวน่าสะพรึงกลัวเป็นพิเศษ
ที่นี่เป็นสถานที่แห่งใดกันแน่ นางครุ่นคิดอย่างสงสัย ก่อนหน้านี้มองสำรวจการวางแผนผังในอารามไปคร่าวๆ แล้ว ไม่เคยเห็นการประดับตกแต่งเช่นนี้มาก่อน หรือจะเป็นวังใต้ดินของอารามนักพรตหญิงอวี้เจิน…
เถิงอวี้อี้รวมสมาธิเงี่ยหูฟัง กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่น้อย กระทั่งกระดิ่งเสวียนอินที่สั่นไม่หยุดมาตลอดก็ประหนึ่งโดนสูบพลังหายไปครึ่งหนึ่ง เสียงแผ่วเบาอ่อนแรงกว่าเดิม ใช่ มีความเป็นไปได้
เถิงอวี้อี้คาดเดาว่าไน่จ้งอาจไม่อยู่แถวนี้ ฉะนั้นจึงเร่งโคจรกำลังภายในเต็มที่แล้วเดินย่องไปข้างหน้าอย่างเงียบงัน ไน่จ้งอิทธิฤทธิ์ล้นเหลือปานนั้น ต่อให้นางไม่ขยับเขยื้อน ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของมันอยู่ดี ก่อนมันจะย้อนกลับมาหาเรื่องนาง ไม่สู้เดินสำรวจคลำทางไปให้ทั่วดีกว่า หากว่านางโชคดี ไม่แน่ว่าอีกประเดี๋ยวอาจคลำเจอประตูเกิด* ก็เป็นได้
นางใช้มือคลำก้อนอิฐบนผนังพร้อมกับเดินไปตามทางข้างหน้าเงียบๆ พอเห็นว่าอีกไม่ไกลก็จะเดินถึงหัวมุม ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นมาก ไม่ว่าทางซ้ายหรือขวาก็สามารถไปได้หมด นางลังเลว่าจะเลี้ยวไปทางซ้ายหรือเลี้ยวไปทางขวาดี คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้เองกระดิ่งเสวียนอินจะสั่นอย่างรุนแรง
ต่อจากนั้นมุมทางขวาก็มีเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดอย่างกะทันหัน คล้ายว่ามาสุดทางเดินและมีคนผลักประตูเดินเข้ามา แล้วเถิงอวี้อี้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าไม่รีบไม่ร้อนกับเสียงโบกพัดสานนั่น
เจ้าตัวนั้นย้อนกลับมาแล้ว!
หัวใจเถิงอวี้อี้เต้นแรงแทบกระดอนมาถึงคอหอย หากเดินไปข้างหน้าต่อมีแต่จะถูกไน่จ้งจับตัวได้ จึงจำต้องถอยกลับไปตามเส้นทางเดิม ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งถอยไปได้ไม่กี่ก้าว แผ่นหลังนางจะมีผนังมาขวางกั้นเอาไว้
นางตกใจจนหันขวับกลับไปมอง เมื่อครู่นี้ยังเป็น…
ไม่สิ ทางเดินทอดยาวเหยียดปานนั้นจะหดสั้นลงมากถึงเพียงนี้ในชั่วพริบตาได้อย่างไร
เถิงอวี้อี้ไม่มีเวลามาทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว นางยกแขนสองข้างขึ้นมาคลำผนังสองฝั่งอย่างว่องไว ทางเดินสายนี้สามารถยืดได้หดได้ บนผนังต้องฝังกลไกเอาไว้แน่ ทว่าลองคลำหาไปทีละชุ่นแล้วนางก็ยังคลำหากลไกไม่พบ ส่วนเสียงฝีเท้านั้นกลับกระชั้นชิดเข้ามาทุกที
สมควรตายนัก! ไน่จ้งเดินเร็วยิ่งกว่าที่นางคิดเอาไว้เสียอีก
ข้างหูเถิงอวี้อี้มีเสียงดังอื้ออึง รู้สึกปวดแสบปวดร้อนในกระเพาะเป็นระลอก สองมือคลำหาสะเปะสะปะอย่างบ้าคลั่ง ร้อนใจจนไม่รู้จะทำเช่นไรดี เมื่อเห็นว่าอีกหัวมุมเดียวเท่านั้นภิกษุหน้ายิ้มก็จะปรากฏตัวตรงหน้าแล้ว นางก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่าจะสู้ตายกับเจ้าสิ่งนั้น ผนังทางขวาพลันยุบหาย ชั่วอึดใจเดียวก็มีคนกระชากนางเข้าไปในผนัง
เถิงอวี้อี้กระแทกเข้ากับอ้อมอกบุรุษผู้หนึ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ คิดว่าไน่จ้งหายตัวเข้ามาอยู่ในห้องลับด้านหลังผนังหิน นางลนลานกุมกระบี่เสี่ยวหยาแน่นเตรียมป้องกันตัว ทว่าคนผู้นั้นกลับปิดปากนางไว้ทันที
“ไม่ต้องกลัว นี่ข้าเอง”
* ฉีเหมินตุ้นจย่า เป็นศาสตร์การทำนายแขนงหนึ่งในสมัยโบราณของจีน โดยยึดหลักจากการสังเกตปรากฏการณ์บนท้องฟ้า ประกอบด้วยทฤษฎีปรัชญาหลายแขนงของจีน เช่น พลังอินหยาง (หยินหยาง) พลังธาตุทั้งห้า ปากว้า แผนภูมิสวรรค์ทั้งสิบ คิดค้นขึ้นครั้งแรกเพื่อประโยชน์ด้านกลศึก การวางค่ายกล และวางภูมิลักษณ์ (ฮวงจุ้ย) ต่อมากลายเป็นคำที่สื่อถึงวิชาเร้นลับ เช่น การหายตัว การเรียกสิ่งมงคลขจัดสิ่งชั่วร้าย โดย ‘ฉีเหมิน’ แปลว่าประตูมหัศจรรย์ ‘ตุ้น’ แปลว่าหลบซ่อนหลีกหนี ‘จย่า’ หมายถึงตำแหน่งแรกของแผนภูมิสวรรค์ บ้างจึงแปลฉีเหมินตุ้นจย่าว่า ‘กลเร้นลี้ด้วยประตูมหัศจรรย์’
* เหยี่ยวกระดาษ หรือจื่อยวน ในสมัยก่อนวัสดุที่ใช้ทำว่าวคือผ้าไหมหรือกระดาษ นำมาทำเป็นว่าวรูปร่างคล้ายนกเหยี่ยว เมื่อปล่อยว่าวลอยขึ้นท้องฟ้าจะเหมือนกับเหยี่ยวโผบินอยู่ในอากาศ
* ไว้ทุกข์ ตามประเพณีจีนโบราณลูกต้องไว้ทุกข์ให้พ่อแม่สามปี เพื่อตอบแทนช่วงสามปีแรกของชีวิตที่พ่อแม่คอยเฝ้าดูแทบไม่ห่างกาย โดยในระหว่างนี้ห้ามทำกิจกรรมบันเทิงใดๆ
* เทศกาลอวี๋หลันเผิน หรือวันสารท ตรงกับวันที่สิบห้าเดือนเจ็ดตามจันทรคติ เป็นวันที่ลูกหลานจะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณเร่ร่อน ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นวันที่ประตูยมโลกถูกเปิด
** ธรรมบาลทั้งแปด หรือแปดเทพอสูรมังกรฟ้า จากคำแปลชื่อวรรณกรรมที่เป็นผลงานเรื่องหนึ่งของกิมย้ง เป็นบรรดาอมนุษย์ 8 ประเภทที่คอยปกป้องพระธรรมตามความเชื่อของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ประกอบไปด้วย เทพยดา มังกรหรือนาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร และมโหราค
* ฝ่าซือ หรือธรรมาจารย์ เป็นคำเรียกนักบวชในศาสนาพุทธและศาสนาเต๋าที่เคร่งครัดในวินัยและเชี่ยวชาญในการเทศนา มักใช้ต่อท้ายฉายาธรรม
* เรียกฟ้าไม่ตอบเรียกดินไม่ขาน หมายถึงตกที่นั่งลำบาก ไม่มีคนช่วยเหลือ
* ประตูเกิด คือหนึ่งในแปดประตูในศาสตร์ฉีเหมินตุ้นจย่า ได้แก่ ประตูเปิด (ไคเหมิน) ประตูหยุด (ซิวเหมิน) ประตูเกิด (เซิงเหมิน) เป็นสามประตูมงคล ประตูตาย (สื่อเหมิน) ประตูกลัว (จิงเหมิน) ประตูเจ็บ (ซางเหมิน) เป็นสามประตูอัปมงคล ส่วนประตูกั้น (ตู้เหมิน) ประตูภาวะ (จิ่งเหมิน) เป็นสองประตูที่เป็นกลาง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 28 ก.ย. 66 เวลา 12.00 น.