ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 63
บทที่ 63
ลิ่นเฉิงโย่ว?
หัวใจเถิงอวี้อี้เต้นแรงจนเกือบกระดอนออกมาจากคอหอย รอบกายมืดทึบไร้แสงสว่าง ไม่อาจมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาได้กระจ่างไปชั่วขณะ โชคดีที่อยู่ใกล้ชิดกัน นางจึงได้กลิ่นหอมสดชื่นจางๆ จากสาบเสื้อของเขา คืนนั้นที่คฤหาสน์เล่อเต้านางก็ได้กลิ่นเจ่าโต้วที่หอมเช่นนี้เหมือนกัน คาดว่าคงเป็นเครื่องหอมล้ำค่าเลื่องชื่อที่เป็นบรรณาการจากต่างแดนอย่างแคว้นผอหลัว นอกจากลิ่นเฉิงโย่วแล้ว นางยังไม่เคยเห็นผู้อื่นใช้มาก่อน
น้ำเสียงก็ใช่ กลิ่นกายก็ถูกต้อง เป็นเขาจริงๆ ด้วย เถิงอวี้อี้เป่าปากด้วยความโล่งอก เมื่อครู่นางตื่นตระหนกเกินไปจนลืมหายใจ พอลิ่นเฉิงโย่วปรากฏตัว ในที่สุดนางก็สามารถหอบหายใจได้แล้ว ทว่าพอนางขยับร่างกายดูจึงตระหนักได้ว่าลิ่นเฉิงโย่วยังใช้มือปิดปากนางไว้
ไน่จ้งยังวนเวียนอยู่ตรงทางเดินด้านนอก บางทีลิ่นเฉิงโย่วคงกลัวว่านางจะร้องโวยวายถึงไม่ยอมปล่อยมือ นางผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างระมัดระวัง ก่อนเอนตัวแนบไปกับแผงอกเขานิ่งๆ พลันพบว่ากระดิ่งเสวียนอินบนข้อมือไม่สั่นส่งเดชอีก คาดเดาในใจว่าลิ่นเฉิงโย่วคงเล่นลูกไม้อะไรกับช่องแคบหลังผนังหินตรงนี้
ลิ่นเฉิงโย่วก็คอยสังเกตท่าทีตอบสนองของเถิงอวี้อี้ เขาเดินเข้ามาในอุโมงค์ใต้ดินสักพักแล้ว บัดนี้เริ่มคุ้นชินกับความมืดเบื้องหน้า เถิงอวี้อี้มีดวงตางดงามหาใดเปรียบเช่นนี้เอง แม้จะอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดมิดเช่นนี้ ทว่านัยน์ตายังคงเปล่งประกายระยิบระยับ จนเขามองเห็นความหวาดกลัวของนางชัดเจนเต็มสายตา
เขาอดทนรอให้นางคลายความระแวงลง ไม่นานเขาก็รู้สึกว่าร่างกายนางไม่แข็งทื่อดังเดิมแล้ว เข้าใจว่านางคงจำเขาได้ จึงถอนหายใจโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ทว่าพอเคลื่อนไหวถึงพบว่าแผ่นหลังตนเองเปียกเหงื่อชุ่มโชก ตลอดทางมานี้เขาร้อนรนจนเกินไป ของวิเศษที่พกติดตัวก็มีไม่มาก ทำได้เพียงสร้างข่ายอาคมเรียบง่ายไว้ในผนังอย่างเร่งรีบ เมื่อมีข่ายอาคมขวางกั้นเอาไว้ กระดิ่งเสวียนอินก็ไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายชั่วร้ายจากร่างของไน่จ้ง ส่วนไน่จ้งคงหาพวกเขาไม่พบในชั่วครู่ชั่วยาม โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าห้ามส่งเสียงดังจนเกินไป
เขาตัวคนเดียวรับมือกับไน่จ้งไม่ไหว ช่วยเถิงอวี้อี้ออกไปให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน
เถิงอวี้อี้ยืนกลั้นลมหายใจประเดี๋ยวหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกคันคออย่างประหลาด นางกลัวว่าจะเผลอหลุดเสียงไอออกมา จึงรีบขบกัดริมฝีปากตนเองแน่น
ลิ่นเฉิงโย่วกำลังรวบรวมสมาธิฟังเสียงฝีเท้าไน่จ้ง อยู่ๆ ฝ่ามือก็คันยุบยิบอย่างไม่ทันตั้งตัว ความนุ่มหยุ่นนั้นยังมาพร้อมกับไอร้อนชื้นเบาบาง ฉุกคิดได้ว่าเป็นริมฝีปากของเถิงอวี้อี้นั่นเอง ประหนึ่งแนบชิดกับฝ่ามือเขาเพื่อเอื้อนเอ่ยวาจา
แผ่นหลังเขาชาวาบขึ้นมาอย่างกะทันหัน สัมผัสกลางฝ่ามือที่ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยพาให้ร่างกายรู้สึกอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง ไล่ลามจากท่อนแขนแล้วกระโจนเข้าสู่ก้นบึ้งหัวใจเขาโดยตรง
เขารีบปล่อยมือในทันใด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไน่จ้งยังเดินเตร็ดเตร่อยู่ตรงทางเดินด้านนอก จึงจำต้องปิดปากนางไว้อีกครั้ง แต่หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งดุจม้าป่า ในลำคอบีบแน่นจนอึดอัดเล็กน้อย ประหนึ่งในช่วงฤดูร้อนเพิ่งเล่นจีจวีมารอบหนึ่ง แล้วต้องรีบหาน้ำดื่มดับความกระหายจนคอแห้งผาก
ในตอนนี้เองเถิงอวี้อี้ค่อยๆ ปรับเข้ากับความมืดเบื้องหน้า นางมองเห็นสีหน้าแปลกพิกลของลิ่นเฉิงโย่วโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงอดตะลึงงันไม่ได้
สีหน้าลิ่นเฉิงโย่วราวกับบอกว่า ‘เจ้าจะรีบไปที่ใด รอให้ข้าปล่อยมือก่อนค่อยพูดไม่ได้หรือไร’
เถิงอวี้อี้นิ่งอึ้งไป ตนเองแค่อยากจะไอเบาๆ กลับกระตุ้นให้เขามีท่าทีตอบสนองมากถึงเพียงนี้ ลอบคาดเดาว่าเขาคงเข้าใจผิดว่านางจะเอ่ยปาก ก็รีบร้อนพยักหน้าบอกให้รู้ว่านางเข้าใจดี ไม่มีทางพลั้งปากเอ่ยวาจาเป็นอันขาด
อากัปกิริยาเช่นนี้พลอยทำให้มือของลิ่นเฉิงโย่วเคลื่อนไหวตามไปด้วย ส่วนลึกในหัวใจเขาชาวาบขึ้นมาอีกระลอก พอลองคิดทบทวนดูคราวนี้คงไม่มีอะไรต้องสั่งกำชับแล้ว ปิดปากนางต่อไปดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไร ดังนั้นจึงรีบปล่อยมืออย่างรวดเร็วเพื่อหยิบชุดไฟพกพาจากเข็มขัดเตี๋ยเซี่ยที่คาดเอวไว้ออกมาจุดไฟ
พอเขาปล่อยมือลง ความรู้สึกแปลกประหลาดในใจก็บรรเทาลงไม่น้อย
เปลวไฟวูบไหวในความเงียบงันส่องสว่างไปทั่วบริเวณในพริบตา
เขาสงบสติอารมณ์ลง แล้วเริ่มให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวด้านนอก
เถิงอวี้อี้ก็หันหน้ามองสำรวจไปรอบกาย ยามนี้ถึงสังเกตเห็นส่วนที่เรียกว่า ‘ในผนัง’ คือทางเดินคับแคบปูด้วยแผ่นหินนี่เอง ที่สำคัญไม่ได้กว้างโล่งกว่าทางเดินด้านนอกเท่าใด ถึงแม้จะเดินเคียงข้างกันไปเพียงสองคน ก็ยังหนีไม่พ้นชนโดนผนังหินสองฝั่ง แต่เส้นทางสายนี้ทอดยาวลึกเข้าไปราวกับมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด แตกต่างจากทางเดินสายนั้นของอีกฟากหนึ่งมากทีเดียว
นางหันหน้ากลับมาเหลือบมองลิ่นเฉิงโย่ว เขาเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของไน่จ้ง สีหน้าจดจ่อมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่ผ่านมาเห็นลิ่นเฉิงโย่วปะทะกับภูตผีปีศาจมาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาเขาอยากสู้ก็สู้ อยากรวบตัวก็รวบตัว ไหนเลยจะต้องระมัดระวังตัวไปเสียทุกอย่างเช่นในครั้งนี้
เถิงอวี้อี้อดปาดเหงื่ออยู่ในใจไม่ได้ ไน่จ้งนี้เป็นอมนุษย์ตัวสำคัญที่ร้ายกาจตามคาดจริงๆ
ไน่จ้งเดินวนเวียนอยู่พักใหญ่ คล้ายว่าเพราะตามหาเถิงอวี้อี้ไม่พบ จึงเปลี่ยนใจเดินไปทางซ้ายมือแล้ว เสียงฝีเท้าห่างไกลออกไปทุกขณะ จนกระทั่งเงียบหายไปอย่างสิ้นเชิงตรงทางเดินด้านนอก
ลิ่นเฉิงโย่วรออยู่ชั่วครู่จนมั่นใจว่าไน่จ้งจะไม่ย้อนกลับมาเร็วๆ นี้แน่ ก็หยิบโซ่สีเงินเส้นหนึ่งจากในอกเสื้อส่งให้เถิงอวี้อี้ พร้อมบอกกับนางว่า “ถือโซ่เส้นนี้เอาไว้แล้วเดินตามข้ามา”