ปีศาจเฒ่ารู้แก่ใจดีว่าไม่เกินสองครั้งตนเองจะต้องโดนบีบให้คืนร่างเดิมแน่ นางทนทรมานมานับร้อยปี จะยอมกลับไปเป็นต้นไม้ที่ไร้ความรู้สึกได้เช่นไร
หลังต่อสู้ดิ้นรนกับตนเอง ก็จำต้องเก็บความแค้นไว้ในใจ “ข้าพูด ข้าพูดแล้ว…”
นางกลืนน้ำลายเตรียมจะเอ่ยปากบอก จู่ๆ บนท้องฟ้ากลับปรากฏลำแสงสว่างวาบ มีเสียงคำรามดังก้องกัมปนาทเหนือศีรษะทั้งที่เป็นค่ำคืนฟ้ากระจ่าง ทุกคนยังไม่ทันแสดงท่าทีตอบสนอง สายฟ้ารัศมีเจิดจ้าก็ผ่าโครมลงมาเบื้องล่าง
ลิ่นเฉิงโย่วหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย สายฟ้าเส้นนี้พุ่งตรงไปยังตาค่ายกล เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อช่วยชีวิตปีศาจเฒ่า
เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วฉับไว รีบกระชากปีศาจต้นไม้กระโดดไปด้านหลัง มังกรไฟจากแผ่นยันต์หลุดพ้นการควบคุมของเขาทำให้ปีศาจเฒ่าคืนร่างเดิมไปในพริบตา
สายฟ้าประหลาดเหมือนมีสัมผัสรับรู้ มันเลี้ยวโค้งหลบไปอย่างเหลือเชื่อ จากนั้นสลายเป็นกลุ่มหมอกสีขาวหายลับไปกลางอากาศ ไปมาไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
เจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อเรียกไม้สยบมารกลับมา ก่อนจะกระโดดผลุงขึ้นแล้วเดินมามุงดูตรงหน้า ก้มศีรษะมองร่างเดิมของปีศาจเฒ่า ก็เห็นต้นไม้น้อยที่ลำต้นไม่อวบหนาเท่าใด บนยอดต้นไม้ห่อหุ้มด้วยตะไคร่น้ำสีเขียว กลิ่นหอมประหลาดโชยมาปะทะจมูก
นักพรตน้อยทั้งสองยังไม่หายตื่นตระหนกดี “ศิษย์พี่ สายฟ้านั่นมาเพื่อช่วยปีศาจเฒ่าหรือขอรับ”
ลิ่นเฉิงโย่วจ้องทิศทางยามสายฟ้าพุ่งตรงมาเขม็ง ก่อนหยิบหนอนล่ามวิญญาณออกมาจากอกเสื้อมัดต้นไม้น้อยเอาไว้แล้วโยนให้เด็กทั้งสอง “กลับไปรออยู่ในบ่วงสลายปราณพิฆาต”
เขายังหันไปสั่งการองครักษ์ที่เช็ดเหงื่ออยู่ว่า “พวกเจ้าเร่งนำส่งกลุ่มคนเจ็บกับฮูหยินอันกั๋วกงไปพักฟื้นที่เรือนเจาเล่อ ข้าไปประเดี๋ยวหนึ่งก็กลับ”
ลิ่นเฉิงโย่วกระโดดขึ้นไปบนแนวกำแพง พลันหายลับไปท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี
เรือนเจาเล่อพื้นที่คับแคบ มีห้องนอนทั้งหมดเพียงห้องเดียว สกุลเถิงกับสกุลต่งไม่มีทางเลือกอื่น จำใจต้องเข้ามาพักในห้องเดียวกัน
เหล่าขันทีตกใจขวัญหนีดีฝ่อกันถ้วนหน้า องครักษ์ก็หวาดผวาอยู่ในใจเช่นกัน กระทั่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ทุกคนยังกลัวจนเหมือนไร้วิญญาณไปบ้าง
ตู้ฮูหยินสองขาสั่นพั่บๆ นางกอดเถิงอวี้อี้ไว้ในอ้อมแขนพลางลูบปลอบขวัญเป็นการใหญ่ เถิงอวี้อี้ย้อนคิดถึงสถานการณ์เมื่อครู่ตอนลิ่นเฉิงโย่วต่อกรกับปีศาจ ความสงสัยมากมายอัดแน่นในอก นอกจากลิ่นเฉิงโย่วจะซักไซ้ปีศาจเฒ่าว่าเพราะเหตุใดจึงไปที่ป่าไผ่ ยังคาดเดาว่ามีคนรอนางปีศาจอยู่ที่นั่น เถิงอวี้อี้ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เมื่อนางพาพวกตวนฝูเร่งเดินทางไปถึง ในป่ามีเพียงปีศาจเฒ่าและญาติผู้พี่กับสาวใช้ นางรู้เพียงว่าญาติผู้พี่ถูกจู่โจมทำร้าย กลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องเลย
หากปีศาจเฒ่ามิได้บุกเข้าป่าไผ่ด้วยเหตุบังเอิญแต่ไปตามนัดหมายเล่า คนผู้นั้นจะซ่อนตัวอยู่ที่ใด ที่ญาติผู้พี่ถูกปีศาจจู่โจมจะเป็นเพราะไปเห็นอะไรเข้าโดยไม่ตั้งใจหรือไม่
นางคิดทบทวนซ้ำไปมาเป็นนานสองนาน ยิ่งคิดยิ่งตื่นตระหนก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงท่านป้าเรียกญาติผู้พี่เบาๆ ถึงได้สติกลับคืนมา
ยาที่ลิ่นเฉิงโย่วให้มามีสรรพคุณวิเศษนัก ร่องรอยสีทองแปลกประหลาดบนร่างญาติผู้พี่เลือนหายไปจนหมด ส่วนไป๋จื่อกับหงหนูแม้ยังหมดสติอยู่แต่ก็มีสัญญาณว่าจะดีขึ้นแล้ว
ตวนฝูถูกแยกให้อยู่ตรงระเบียงทางเดินข้างนอก พอเถิงอวี้อี้เดินไปตรวจดูอาการ ก็พบว่าลมหายใจค่อยๆ สม่ำเสมอคงที่แล้ว
บนเตียงเตี้ยริมหน้าต่างฮูหยินอันกั๋วกงกับคุณหนูรองสกุลต่งนอนเคียงข้างกัน คนหนึ่งลมหายใจรวยริน ส่วนอีกคนเนื่องจากไม่ได้กินยาจึงยังไม่ฟื้นคืนสติขึ้นมา
ผู้ดูแลหญิงสกุลต่งก็รอดตายมาได้ รอจนเริ่มสงบสติอารมณ์ลง คิดถึงยาวิเศษที่ลิ่นเฉิงโย่วมอบให้กลับโดนคุณหนูเถิงแย่งชิงไปหมด อีกทั้งคนเจ็บของสกุลเถิงสามสี่คนนั่นกินยาแล้วเริ่มเห็นวี่แววว่าอาการดีขึ้น มีเพียงคุณหนูรองของนางผู้เดียวที่ชีวิตยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจิตใจร้อนรุ่มราวไฟสุม คอยดูแลต่งเอ้อร์เหนียงพลางถลึงตาใส่เถิงอวี้อี้บ่อยครั้ง สายตาหลบๆ ซ่อนๆ ทว่าเต็มไปด้วยการตำหนิและแค้นเคือง
เถิงอวี้อี้สัมผัสได้ถึงสายตาจดจ้องจากด้านหลัง จึงหันหน้าไปอยากจะดูให้รู้เรื่อง
ตอนนี้เองก็มีคนจากในวังเข้ามาแจ้งข่าว “ก่อนซื่อจื่อจะไปบอกว่ามีเรื่องหนึ่งต้องตรวจสอบหลักฐาน หลายท่านในห้องนี้เป็นคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือน มอบหมายให้พวกข้าน้อยมาเตรียมการบางอย่างไว้ล่วงหน้า”
ก่อนหน้านี้ตู้ฮูหยินได้ยินคำพูดหลายประโยคอย่างเลือนราง จึงเข้าใจว่าลิ่นเฉิงโย่วต้องการเข้ามาตรวจสอบอาการบาดเจ็บ เดิมทีมีข้อกังวลชายหญิงไม่พึงชิดใกล้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็วางใจได้เสียทีจึงรีบเอ่ยตอบรับ “ทราบแล้ว”
ผู้ดูแลหญิงสกุลต่งตั้งตารอจะขอยาช่วยชีวิตคนจากลิ่นเฉิงโย่วมาเพิ่ม จึงเอ่ยตกปากรับคำอย่างดี “น้อมรับทุกคำสั่งของซื่อจื่อเจ้าค่ะ”
เหล่าขันทีนำร่างสตรีที่บาดเจ็บห้านางมาวางเรียงกันบนเตียงหลังใหญ่ โดยมีผ้าม่านผืนหนาบดบังสายตาและเผยให้เห็นเพียงพื้นรองเท้า
ตอนเถิงอวี้อี้ช่วยจับผ้าม่านบังเอิญเหลือบมองต่งเอ้อร์เหนียงครู่หนึ่ง นางต้องประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นว่าบนใบหน้าต่งเอ้อร์เหนียงไม่ปรากฏรอยสีทองอมเทา ลมหายใจก็นับว่าสงบมั่นคงดี
เอ๊ะ มิใช่ว่าโดนพิษปีศาจหรือ