บทที่ 11
เรือลอยฝ่าเมฆหมอกกลางธารา ลมโชยปะทะหน้านักเดินทาง
เหนือลำน้ำมีเรือแล่นสวนกันไปมาขวักไขว่ พวกฉือชั่นยืนชิดราวรั้วพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ผืนคัคนานต์มืดสลัวลงทีละน้อย แสงอาทิตย์อัสดงสาดส่องทั่วฟ้า เรือโดยสารลำหนึ่งแล่นเร็วรี่จากที่ไม่ไกลนัก เสียงสนทนาของทั้งสามคนหยุดชะงักทันใด
ฉือชั่นมองตามบุรุษชุดสีดำที่ยืนริมราวรั้วบนเรือลำด้านข้างโดยไม่ละสายตา คนผู้นั้นคล้ายรับรู้ได้ จึงเบนหน้ามองมาแล้วผงกศีรษะให้เขาเล็กน้อย
บุรุษชุดสีดำยังหนุ่มแน่นมาก ดูท่าทางอยู่ในวัยราวยี่สิบเศษ อาภรณ์สีดำสนิทรัดรูปทั้งชุดขับเน้นเรือนกายสูงเพรียวล่ำสันของเขา บนใบหน้าคมคายประดับรอยยิ้ม ทว่าไม่แผ่ไปถึงดวงตา
หากพูดว่าฉือชั่นเป็นคนรูปงามละเมียดละไมถึงขั้นสมบูรณ์ไร้ที่ติ ทันทีที่แย้มยิ้มจะฉายรัศมีความงามแกมเย้ายวนใจ เช่นนั้นรอยยิ้มของบุรุษชุดสีดำก็เป็นดั่งลมวสันต์ระลอกหนึ่งแผ่ไออุ่นให้คนรอบข้าง แต่กลับไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้ให้ผู้เป็นเจ้าของแม้สักเศษเสี้ยว
จนกระทั่งเรือด้านข้างแล่นสวนผ่านไป หยางโฮ่วเฉิงถึงเอ่ยถามฉือชั่นที่คิ้วขมวดมุ่น “สือซี คนผู้นั้นเป็นใครกัน เจ้ารู้จักหรือ”
“ไม่ถึงกับรู้จัก…” ฉือชั่นหยุดเว้นจังหวะ เพิ่งดึงสายตากลับในเวลานี้แล้วกล่าวเนือยๆ “นั่นมิใช่คนดิบดีอะไร”
“เหตุใดถึงพูดเช่นนี้” จูเยี่ยนบังเกิดความสนใจเช่นกัน
คนผู้นั้นแปลกหน้าเป็นอันมาก สหายรักยังรู้ว่าเป็นใคร ส่วนพวกเขากลับไม่เคยพบเจอมาก่อน นี่ต่างหากถึงน่าแปลก
ฉือชั่นแค่นเสียงฮึก่อนเอ่ย “รู้จักเจียงถังกระมัง”
“อย่าพูดล้อเล่น ใครบ้างไม่รู้จักเจียงถัง ผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินผู้ยิ่งใหญ่” หยางโฮ่วเฉิงวางสีหน้าเคร่งขรึม
องครักษ์จินหลินรับคำสั่งโดยตรงจากฮ่องเต้ ทำหน้าที่เป็นพระเนตรพระกรรณ คนทั่วหล้าไม่มีใครไม่หลบเลี่ยงยำเกรง เจียงถังรั้งตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ และยังมีอีกศักดิ์ฐานะหนึ่งก็คือบุตรชายของพระนมของโอรสสวรรค์
เพียงตรองดูก็รู้ได้ว่าเจียงถังเป็นบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอำนาจและบารมีปานใด ไม่ว่าเป็นเหล่าเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางบุ๋นบู๊ล้วนต้องให้เกียรติคนผู้นี้อยู่สามส่วน
ฉือชั่นเห็นสหายทั้งสองเริ่มทำสีหน้าจริงจังถึงกล่าวอธิบายต่อ “เจียงถังมีบริวารมือขวาสิบสามคน ใครๆ พากันเรียกขานว่าสิบสามราชองครักษ์ คนที่เพิ่งสวนผ่านไปเมื่อครู่นี้คือเจียงสือซาน*บุตรบุญธรรมของเจียงถัง เมื่อหลายปีก่อนเขาถูกส่งไปประจำการทางทิศใต้ ดังนั้นชาวเมืองหลวงล้วนไม่รู้จักคนผู้นี้ ส่วนข้านั้นตอนมาจยาเฟิงหนก่อนถึงได้วิสาสะกับเขา”
เขาพูดถึงตรงนี้ก็เหยียดมุมปากพูดเสียงเยาะๆ “นั่นน่ะพวกเสือหน้ายิ้ม จู่ๆ ก็เจอ โชคร้ายเสียจริง”