ความรู้สึกแปลกชอบกลในใจชายชราทวีมากขึ้น ครั้นนึกไปถึงชีพจรของแม่นางน้อยที่บ่งบอกว่ามีลักษณะของอาการถอดวิญญาณ ความคิดที่คนทั้งหล้าต้องตะลึงพรึงเพริดอย่างหนึ่งผุดขึ้นวูบหนึ่ง จากนั้นเขาก็อดส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่ได้
เวลานี้ฝ่ายนั้นน่าจะอยู่ที่แดนเหนืออันไกลโพ้นโน่น คงเพราะสองปีมานี้เขาหมกมุ่นลุ่มหลงกับศาสตร์พวกนั้นจนเหลวไหลเลอะเลือนไปแล้วเป็นแน่
“พักผ่อนให้มากๆ กินยาแล้วเจ้าจะเหงื่อออก ทะลวงลมปราณที่ติดขัดอยู่ได้ก็หายดีแล้ว”
อายุยังน้อยๆ กลับดูเหมือนประสบเรื่องโศกเศร้าใหญ่หลวงอันใดมาถึงทำให้ร่างกายทรุดหนักกะทันหัน จิตใจของแม่นางน้อยนี่ลึกล้ำซับซ้อนน่าดู
หมอเทวดาหลี่คิดคำนึงถึงตรงนี้ก็แลมองดวงหน้าเล็กซีดเซียวของเฉียวเจาซ้ำอีกที ค่อยเบนสายตาออกแล้วหลับตานอนงีบ
บนเรือลำหนึ่ง ชายหนุ่มนั่งจิบน้ำชาไปเรื่อยๆ อยู่ข้างหน้าต่างตามลำพัง
นกพิราบสีขาวตัวหนึ่งบินถลาลงมาบนดาดฟ้าเรือ แล้วกระโดดเข้าไปในอุ้งมือคนผู้หนึ่ง
คนผู้นั้นแกะแผ่นสารตรงขานกออกอย่างว่องไว ก่อนจะสาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้ามา “ใต้เท้า ทางไถสุ่ยส่งข่าวมาขอรับ”
ชายหนุ่มรับแผ่นสารมากวาดตาอ่านเนื้อความในนั้น ก่อนฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโปรยออกไปนอกหน้าต่าง เขากล่าวพึมพำ “แม่นางน้อยผู้นั้นแยกกับคนพวกนั้นที่ท่าเรือไถสุ่ยไปขึ้นรถม้าของคนอีกกลุ่มหนึ่งแล้วหรือ”
ทั้งที่เป็นเด็กสาวธรรมดาๆ ผู้หนึ่ง เหตุใดเรื่องราวยิ่งมายิ่งน่าสนใจขึ้นเสียแล้ว
นิสัยละเอียดรอบคอบและความเฉียบไวที่บ่มเพาะจากการอยู่ในกององครักษ์จินหลินมานานทำให้เขาเคาะพื้นโต๊ะเบาๆ ตามความเคยชินพลางกล่าวกำชับ “แบ่งกำลังคนไปตามแม่นางน้อยผู้นั้น ดูว่าคนกลุ่มหลังเป็นใคร”
ที่แท้บุรุษผู้นี้คือเจียงหย่วนเฉาหรือเจียงสือซาน บุตรบุญธรรมของท่านผู้บัญชาการเจียงที่พวกฉือชั่นสามคนเคยคุยถกกัน
กององครักษ์จินหลินตั้งฐานประจำการอยู่ทั่วทั้งแผ่นดิน เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายสืบราชการลับขนาดมหึมาที่รวบรวมข่าวกรองสำคัญส่งเข้าเมืองหลวง
เขาประจำการอยู่ที่จยาเฟิง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสอดส่องตรวจตราคนทุกคนได้อย่างแน่นอน หากแค่จับตาดูพวกขุนนางซึ่งรั้งตำแหน่งพิเศษไว้ ดังเช่นสกุลเฉียวแห่งสวนซิ่งจื่อที่แม้มิได้อยู่ในราชสำนักแล้ว ทว่ายังเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจดุจเก่าจึงต้องคอยไปสืบข่าวเป็นประจำ
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเรือนสกุลเฉียวจะถูกไฟไหม้ใหญ่คราวเดียวเผาผลาญจนวอดวาย แม้นเขารู้สึกว่ามีเงื่อนงำแต่ยังไม่กระจ่างถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง จึงได้แต่ส่งคนสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดอยู่เป็นนานหลายวันถึงได้พบเจอคนเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาย่อมต้องตกอยู่ในข่ายต้องติดตามเฝ้าดูไปด้วยแน่นอน
อันว่าผู้มีเจตนาคิดไม่ซื่อต่อผู้ไม่มีใจระวังเป็นเรื่องง่ายดาย เพียงวันถัดมาเจียงหย่วนเฉาก็ล่วงรู้ฐานะของชายชรา
“เป็นหมอเทวดาที่ไปมาแทบไร้ร่องรอยหรือนี่”
ชั่วขณะนี้ถึงเป็นเจียงหย่วนเฉาผู้นิ่งขรึมเสมอก็เผยอารมณ์ทางสีหน้าอย่างสุดระงับ
หมอเทวดาเป็นใครกันเล่า เขาเป็นหมอชื่อดังที่แม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันได้พบยังต้องต้อนรับอย่างให้เกียรติ เขาบอกว่าไม่เข้าสู่สำนักแพทย์หลวง ฮ่องเต้ก็ไม่ฝืนใจบังคับ ปล่อยให้เขาจากไปอย่างอิสรเสรี
เขาจำได้ว่าท่านพ่อบุญธรรมเคยบอกว่าหมอเทวดาหลี่มีป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นหนึ่งในครอบครอง
“แล้วคนอื่นๆ เป็นใครมาจากที่ใด”
ผู้ใต้อาณัติกล่าวตอบอย่างเคารพยำเกรง “สืบไม่ได้ขอรับ ดูท่าทางล้วนเป็นยอดฝีมือ น่าจะเป็นพวกองครักษ์”