เจียงหย่วนเฉางอนิ้วมือเรียวยาวเคาะพื้นโต๊ะเบาๆ บังเกิดเสียงใสกังวานดังเป็นจังหวะต่อเนื่องไม่ขาดสาย
“เห็นทีว่าจะเป็นผู้สูงศักดิ์คนใดในเมืองหลวงพบร่องรอยของหมอเทวดาท่านนี้ แล้วเชิญกลับไปตรวจอาการป่วย” เขากล่าวอย่างคาดคะเนเช่นนี้จบ ก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน
เรือนกายของชายหนุ่มสูงเพรียว เขาก้าวขาที่เพรียวยาวออกจากประตูไปรับลมแม่น้ำ สูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งก่อนสั่งการ “พอเรือเทียบฝั่งแล้วเตรียมรถม้าให้ข้าสักคัน”
เมื่อเทียบกับพวกคุณชายจากเมืองหลวงแล้ว เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าหมอเทวดาหลี่ผู้นี้ควรค่าแก่การติดตามไปมากกว่า
คนผู้หนึ่งทำงานอย่างหนึ่งเป็นเวลานาน มักส่งผลต่อพฤติกรรมและวาจาอย่างลึกซึ้งเป็นธรรมดา ทั้งที่เจียงหย่วนเฉารู้ดีว่าการไปเมืองหลวงครานี้กับหมอเทวดาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแม้สักนิด เขายังคงตัดสินใจตามไปด้วยตนเอง
ถ้าเก็บเกี่ยวประโยชน์อะไรได้อย่างคาดไม่ฝัน ท่านพ่อบุญธรรมต้องดีใจอย่างแน่นอน
ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิทุกชีวิตฟื้นคืนชีวิต รถม้าและผู้คนบนถนนหลวงหนาตามากกว่าตอนฤดูหนาว ทอดสายตามองไปจะเห็นภาพความรุ่งเรืองเฟื่องฟู รถม้าคันที่เฉียวเจานั่งปะปนอยู่ในนั้นไม่เป็นที่สะดุดตาแม้แต่น้อยนิด
จวบจนแมกไม้พฤกษาพรรณยิ่งเขียวชอุ่ม เมืองหลวงก็ยิ่งใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ร่างกายของเฉียวเจานับวันยิ่งแข็งแรงขึ้นตามลำดับ ทว่าจิตใจของนางกลับไม่ผ่อนคลายลงเลย
อีกไม่กี่วันก็จะได้พบกับพ่อแม่ญาติพี่น้องของหลีเจาแล้ว ถึงแม้จะมีความทรงจำของนางอยู่ กระนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็แปลกไปจากที่เฉียวเจาคุ้นเคยเหลือเกิน
รถม้าหยุดจอดกะทันหัน องครักษ์ที่ปลอมตัวเป็นสารถีเอ่ยกับหมอเทวดาหลี่อย่างนอบน้อม “ริมถนนมีเพิงน้ำชาแห่งหนึ่ง นอกจากน้ำชาแล้วยังขายซาลาเปาร้อนควันฉุยด้วย ท่านอยากลองชิมหรือไม่ขอรับ”
การเดินทางนั้นแสนจะเหนื่อยยากลำบาก พอได้ยินว่ามีซาลาเปาร้อนๆ หมอเทวดาหลี่ที่งีบหลับมาตลอดทางก็ลืมตาขึ้นทันที “อยาก”
“ได้ขอรับ ข้าไปซื้อประเดี๋ยวนี้เลย”
หมอเทวดาหลี่เรียกเขาเอาไว้ “ไม่ต้อง พวกข้าลงไปกินเอง”
องครักษ์มีสีหน้ายุ่งยากใจทันควัน “แต่ว่า…”
“พล่ามอะไร อยู่แต่บนรถม้าทำเอาตาแก่อย่างข้ากระดูกกระเดี้ยวจะหลุดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว” หมอเทวดาหลี่ลงไปโดยไม่แยแสองครักษ์แต่อย่างใด
เฉียวเจาเห็นดังนั้นก็ตามลงไปด้วยทันที
พวกนางปลอมตัวเป็นสองปู่หลานที่ออกเดินทางไปที่อื่นโดยมีผู้คุ้มกันกับสาวใช้ติดตามดูแล ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะว่างอยู่ ชั่วประเดี๋ยวเดียวเถ้าแก่เนี้ยก็ยกซาลาเปาส่งควันกรุ่นๆ จานใหญ่กับน้ำชากาหนึ่งมาวางให้
หมอเทวดาหลี่หยิบซาลาเปามากัดคำหนึ่งเข้าปากแล้วพยักหน้า “ไม่เลว”
มาตรว่าเขาไม่ชอบมาเมืองหลวง แต่ไม่อาจไม่ยอมรับว่าถนนหลวงใกล้ๆ เมืองหลวงสายนี้ ไม่เพียงสะอาดสะอ้านมากขึ้น กระทั่งซาลาเปาของเพิงริมทางยังอร่อยกว่าที่อื่น
เฉียวเจาหยิบซาลาเปาลูกหนึ่งมากินเงียบๆ
หมอเทวดาหลี่ไม่อยากกลับไปบนรถม้าเร็วนัก เขาจึงถือถ้วยชาด้วยสองมือพลางฟังเสียงพูดคุยสัพเพเหระของพวกลูกค้าโต๊ะด้านข้าง
มีคนพูดอย่างกังขาใจ “ฤดูใบไม้ผลิมีพายุทรายพัดแรง เหตุไฉนถนนหลวงสายนี้ดูสะอาดตากว่าคราวก่อนที่ข้ามาอย่างมาก”
คนด้านข้างกล่าวยิ้มๆ ทันใด “สหายคงจะมาจากแดนไกลเป็นแน่ถึงได้ไม่รู้อะไร ท่านแม่ทัพเป่ยเจิงของพวกเรากำลังจะเข้าเมืองหลวงแล้ว ถนนเส้นนี้จึงต้องราดน้ำกวาดพื้นทุกวันวันละหนึ่งหน”