โอวหยางเวยอวี่ก็เคยเป็นหนึ่งในหมู่สตรีสูงศักดิ์เหล่านี้ ร่ายกลอนแต่งคำโคลง ดีดพิณเป่าขลุ่ย มีชีวิตที่สุขสราญบานใจปานใด เรื่องที่กลัดกลุ้มมากที่สุดไม่มีอะไรนอกจากวันนี้กินอาหารเผ็ดมากเกินไป พรุ่งนี้จะมีตุ่มสิวผุดขึ้นบนหน้าผาก
แต่เพียงชั่วข้ามราตรี ชีวิตของนางก็พลิกกลับตาลปัตร ญาติสนิทมิตรสหายที่ไปมาหาสู่กับครอบครัวนางบ่อยๆ ล้วนหายหน้าไปไม่เห็นวี่แวว ทุกคนในเรือนคิดหาทุกวิธีการก็คลำทางไปไม่ถึงธรณีประตูกององครักษ์จินหลิน แม้แต่ตอนนี้ท่านพ่อเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ยังไม่ล่วงรู้
สุดท้ายนางคิดได้แค่ว่าจะกอดคอตายไปกับหลันซีหนง ทำให้ขุนนางโฉดหลันซานกับบุตรชายต้องเจ็บปวดก็เท่านั้น
ทว่าคุณหนูหลีซานกลับบอกนางว่าถึงนางจะเอาชีวิตตนเองเข้าแลกเพื่อทำเช่นนี้ จริงๆ แล้วสำหรับคนพวกนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ไม่ทำให้พวกเขาสะดุ้งสะเทือนได้เลย
นางทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ!
โอวหยางเวยอวี่มองเฉียวเจาอย่างเหม่อลอย นางรำพึงในใจ หากข้าฉลาดอย่างคุณหนูหลีซานก็คงดี จะต้องคิดหาหนทางได้แน่นอน
พอคิดถึงตรงนี้ โอวหยางเวยอวี่ฉุกใจขึ้นได้
จริงสิ คุณหนูหลีซานพูดเตือนข้าก่อนแยกกันว่าคุ้นเคยกับเจียงซือหร่านหรือไม่…
โอวหยางเวยอวี่เบนสายตาไปทางนางโดยไม่รู้ตัว
วันนี้เจียงซือหร่านสวมกระโปรงผ้าแพรลายนกยูงสีแดงเข้ม นางมิได้ร่วมวงประชันต่อคำโคลงคู่ แต่นั่งอยู่บนม้านั่งหินไม่ไกลนัก เท้าคางมองไปที่ไกลๆ ด้วยท่าทางเฉื่อยชาอย่างเบื่อหน่ายเหลือแสน
นางเป็นบุตรสาวโทนของเจียงถังผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน ได้ยินว่าผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินผู้ที่ใครได้ยินชื่อเป็นต้องขวัญหนีดีฝ่อผู้นั้นรักและตามใจบุตรสาวผู้นี้ทุกอย่าง นางอยากได้ดวงจันทร์มิกล้าคว้าดวงดาวลงมาให้ ด้วยเหตุนี้เจียงซือหร่านถึงได้มีฐานะเทียบเคียงกับองค์หญิงเลยทีเดียว
โอวหยางเวยอวี่ลอบกำมือเป็นหมัดแน่น นางต้องหาโอกาสลองขอร้องเจียงซือหร่านดู
คุณหนูหลีซานพูดเตือนสตินางได้ถูกต้อง แทนที่จะเอาชีวิตเข้าแลกอย่างสูญเปล่า ซ้ำยังผลักให้คนทั้งตระกูลต้องตกอยู่ในภาวะล่อแหลมยิ่งขึ้น มิสู้ยอมลดศักดิ์ศรีขอร้องบุตรสาวของผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน ไม่แน่ว่ายังสอบถามถึงสถานการณ์ของท่านพ่อได้
ขณะนางคิดคำนึงอยู่เช่นนี้ มีฝ่ามือข้างหนึ่งวางทาบลงบนมือนางกะทันหัน
“เวยอวี่ เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ” ที่แท้เป็นโค่วจื่อโม่ซึ่งออกจากวงประชันคำโคลงคู่มาอยู่ข้างกายนางตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้
โอวหยางเวยอวี่ดึงความคิดคืนมา นางแลมองสหายรักพร้อมกับเผยรอยยิ้มจากใจจริงเป็นครั้งแรกในช่วงที่ผ่านมา พลางเอ่ยตอบเสียงเบา “ไม่ได้คิดอะไร แค่รู้สึกว่าคุณหนูหลีซานไม่เพียงฉลาดเจ้าปัญญา ยามคนในครอบครัวถูกคนที่มีศักดิ์ฐานะสูงกว่านางสบประมาทก็ยังตอบโต้ได้อย่างไม่โอหังไม่เจียมตน เป็นคนที่ควรคู่แก่การคบหาเป็นมิตร พี่จื่อโม่ ท่านพ่อข้าก่อเรื่องขึ้น วันหน้าเป็นเรื่องยากมากที่ตระกูลของข้าจะปักหลักยืนอยู่ในเมืองหลวง หลังจากนี้พวกเราอยากพบหน้ากันเกรงว่าคงจะลำบากแล้ว ท่านพยายามผูกไมตรีกับคุณหนูหลีซานไว้เถอะ เป็นสหายกับคนเช่นนี้ไม่มีวันเสียเปรียบ”
โค่วจื่อโม่กุมมือนางแน่น “พวกนั้นล้วนเป็นเรื่องในภายภาคหน้า ตอนนี้ข้าเป็นห่วงเจ้า…”
“ข้าไม่เป็นไร ข้าคิดตกแล้ว” สายตาของโอวหยางเวยอวี่จับจ้องมองตามเจียงซือหร่านอยู่ พลันเห็นนางลุกขึ้นเดินไปทางกลุ่มเด็กสาว
“พวกท่านรู้ผลแพ้ชนะหรือยัง” เจียงซือหร่านไต่ถามอย่างหงุดหงิด นางรำคาญพวกโคลงฉันท์กาพย์กลอนเป็นที่สุด เป็นเรื่องของพวกที่กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำโดยแท้
“มีอะไรหรือ” หลันซีหนงเลิกคิ้วเอ่ยถาม
เจียงซือหร่านหมุนคลึงหยกพกที่เหน็บไว้ตรงเอวเล่นพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มละไม “ข้าคิดหัวข้อที่จะทดสอบคุณหนูหลีซานออกแล้ว แต่พวกท่านทางนี้ยืดยาดไม่จบไม่สิ้นเสียที ข้ารอจนเบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
ได้ยินคำกล่าวนี้ มีคนไม่น้อยลอบไม่ชอบใจเป็นอันมาก
ทั้งที่เป็นเรื่องสนุกสนานกลับบอกว่าน่าเบื่อ เห็นได้ว่าเป็นคนหยาบกระด้างผู้หนึ่ง แต่นางเป็นบุตรสาวของผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน ทุกคนถึงไม่กล้าล่วงเกินเท่านั้นเอง
“จบแล้ว คุณหนูเจียงเริ่มเลยเถอะ” หลันซีหนงโบกพัดไปมาพร้อมกล่าวเสียงเอื่อยๆ
หลังเฉียวเจาแสดงฝีมือแต่งคำโคลงคู่อันยอดเยี่ยมไว้ก่อน ต่อจากนั้นก็ไม่มีอันใดน่าสนใจแล้ว เทียบกับต่อคำโคลงคู่ต่อไป นางตั้งตารอดูว่าเจียงซือหร่านจะเล่นงานคนเช่นไร
ตู้เฟยเสวี่ยลืมเลือนความอับอายก่อนหน้านี้ไปโดยพลัน นางเหยียดมุมปากขึ้นเล็กน้อย “คุณหนูเจียงต้องการให้ข้าตระเตรียมสิ่งใดหรือไม่”
นางตั้งใจแก้ตัวอักษรบนไม้ติ้วห้าสีเป็นคำว่า ‘เจียง’ ทั้งหมดก็เพื่อรอเสี้ยวเวลานี้นั่นเอง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 ก.ค. 65 เวลา 12.00 น.