ฝูงชนพลันชะงักนิ่งไปชั่วประเดี๋ยว จากนั้นก็เป็นเสียงร้องตะโกนแหลมเล็กของสตรีนับไม่ถ้วนดังสนั่นขึ้น “แม่ทัพเซ่าๆ”
แม่ทัพหนุ่มเบนหน้ากลับ แต่เหล่าคนในทิศทางนั้นยังตื่นเต้นคลั่งไคล้ โดยเฉพาะบรรดาสตรีที่พากันโยนดอกไม้สดในมือไปให้เขาดุจสายฝนพรั่งพรู มันกระทบเสื้อเกราะของเขาแล้วร่วงหล่นลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีดอกไม้ ถุงหอม และผ้าเช็ดหน้าโยนมาให้มากยิ่งขึ้น
ใครๆ ล้วนเคยได้ยินวีรกรรมของแม่ทัพเซ่าบ่อยเสียจนเล่าได้คล่องปากแต่แรก กระทั่งเด็กสามขวบในเมืองหลวงยังรู้ว่ามีแม่ทัพผู้เก่งกาจเช่นนี้อยู่ผู้หนึ่ง
กระนั้นน้อยครั้งนักที่เขาจะกลับเมืองหลวง วันนี้ได้เห็นตัว ทุกคนถึงประจักษ์ว่าที่แท้แม่ทัพผู้นี้ยังหนุ่มแน่นและหล่อเหลาเพียงนี้
บรรยากาศคึกคักเร่าร้อนยิ่งทบทวีขึ้น กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังพยายามแทรกตัวไปข้างหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้ว่าเฉียวเจาจะมีองครักษ์คอยคุ้มกันอยู่ก็ยังถูกเบียดจนตัวโงนเงนไปมา
ข้างหูเต็มไปด้วยเสียงร้องแหลมสูงของพวกสตรีที่เผลอลืมสงวนท่าที ยังมีดอกไม้และผ้าเช็ดหน้าที่ถูกโยนออกไปจนลอยเต็มท้องฟ้า
เฉียวเจาฝืนทรงตัวยืนให้มั่นแล้วเม้มปาก
ที่แท้ท่านสามีที่เคารพของนางผู้นี้ยังเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนหนึ่งอีกด้วย
เอ่อ…ผิดแล้ว เฉียวเจาตายไปแล้ว คนที่มีชีวิตอยู่คือแม่นางน้อยหลีเจา เขากับข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ต่อกันแล้ว
เมื่อคิดถึงลูกธนูดอกนั้น ถึงเฉียวเจาไม่คับแค้นใจ แต่เกียรติยศอันล้นเหลือของบุรุษตรงหน้ากลับบาดนัยน์ตานาง ถึงที่สุดแล้วนางก็รู้สึก…เจ็บใจอยู่บ้าง
“โอ๊ย!” พ่อค้าเร่ที่หาบกระจาดดอกไม้วิ่งมาเป็นรอบที่สองถูกเบียดล้มลงโดยไม่ทันระวัง ดอกไม้สดในกระจาดหล่นกระจายเกลื่อนพื้น ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงมีต้นกระบองเพชรต้นหนึ่งปนอยู่ในกองดอกไม้ ซ้ำยังบังเอิญกลิ้งมาตรงข้างเท้าเฉียวเจาได้
ฝ่ามือขาวนุ่มนิ่มนับไม่ถ้วนยื่นมือแย่งดอกไม้ไปจนเกลี้ยง เสียงเหรียญอีแปะหล่นลงในกระจาดดังกรุกกริกๆ จากนั้นสายฝนดอกไม้ก็โปรยปรายใส่เหล่าทหารที่เดินช้าๆ ตรงกลางถนนอีกระลอกหนึ่ง คละเคล้าเสียงตะโกนอย่างตื่นเต้นของสตรีทั้งหลาย
เฉียวเจานิ่งชะงักครู่หนึ่งก่อนล้วงเหรียญอีแปะสองเหรียญโยนลงกระจาด ใช้ผ้าเช็ดหน้ารองมือแล้วเก็บต้นกระบองเพชรที่หลงปนเข้ามาต้นนั้นอย่างระมัดระวังขึ้นมา ก่อนจะโยนออกไปเงียบๆ
อืม ครานี้ก็สบายใจแล้ว
เซ่าหมิงยวนนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนม้า ดอกไม้สดที่ฝูงชนโยนใส่ตัวเขาส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย เขาต้องกลั้นจามไว้แทบตายหลายครั้งจนจมูกเริ่มหมดความรู้สึกแล้ว
ขณะที่กำลังจะระบายลมหายใจเฮือกพลันรู้สึกว่ามีของสิ่งหนึ่งลอยมาทางด้านข้าง เขาสัมผัสได้จากประสาทที่เฉียบไวจากการออกรบมานานปีว่านี่มิใช่ของจำพวกดอกไม้หรือถุงหอม
หรือว่าเป็นอาวุธลับ
เซ่าหมิงยวนกระดกข้อมือคว้าของสิ่งนั้นไว้ในกำมืออย่างแม่นยำ ความรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางอุ้งมือทำให้เขาย่นหัวคิ้วทีหนึ่ง
อาวุธลับใดกันมีหนามแหลมรอบตัว? ดูทีว่าศัตรูที่ซ่อนกายกลางหมู่คนต้องเจ้าเล่ห์อำมหิตมาก!
เขาก้มหน้าดูลักษณะของอาวุธลับให้ถนัดตาแล้วอดทำหน้านิ่งขึงไปไม่ได้
ต้นกระบองเพชร?
เซ่าหมิงยวนหันไปมองทางที่ ‘อาวุธลับ’ ลอยมา ดวงตาเขาทอประกายวับวาวดุจฟ้าแลบแปลบๆ
สายตาคมปลาบคู่นั้นไล่กวาดไปทั่วกลุ่มคน เฉียวเจารีบหลบไปอยู่ด้านหลังหมอเทวดา นานครู่ใหญ่ถึงเยี่ยมหน้าออกมามองเห็นคนผู้นั้นขี่ม้าห่างไปไกลแล้ว มีขบวนองครักษ์ประจำตัวสวมเสื้อเกราะแขนกุดที่ล้างสะอาดเรียบกริบกุมทวนยาวในมือแน่นเดินเรียงแถวเป็นระเบียบตามหลังไปติดๆ นางถึงพรูลมหายใจออกเบาๆ
เฉียวเจาช้อนตาขึ้นก็ปะทะเข้ากับสายตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของหมอเทวดาหลี่ นางตีสีหน้าเรียบเฉยก่อนเอ่ยขึ้น “เบียดเสียดเหลือเกินเจ้าค่ะ ท่านปู่หลี่ พวกเรารีบไปกันเถอะ”
หมอเทวดาหลี่พยักหน้า ก้าวขาเดินไปสองก้าวแล้วหันขวับกลับมา ฉีกยิ้มกล่าวว่า “ทำได้ยอดเยี่ยมมาก”
เชิงอรรถ
* เสื้อเกราะซานเหวิน คือเสื้อเกราะที่ประกอบจากแผ่นโลหะรูปทรงตัวอักษรคำว่าซาน (山) ที่แปลว่าภูเขา
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน มิถุนายน 65)