“ไม่มีเหตุผล ไม่มีเหตุผลเลย…”
“เช่นนั้นท่านรีบเรียกคนไปตามตัวบุตรสาวกลับมาโดยไวสิ!”
นายท่านเซี่ยสะบัดแผ่นสารที่เซี่ยเซิงเซียวทิ้งไว้ให้คลี่ออก “ฮูหยิน เจ้าดูสิ ในสารแผ่นนี้วาดภาพเรือเล็กๆ ลำหนึ่ง นี่บ่งบอกว่าเซิงเซียวนั่งเรือไป ตอนนี้เจ้าลูกผู้นั้นต้องลงเรือไปแล้วเป็นแน่ ไล่ตามไม่ทันแล้ว”
นายหญิงเซี่ยหน้าซีดเผือด นางมองไปทางเซ่าหมิงยวน
เขากล่าวปลอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านป้าไม่ต้องกังวลใจเกินไป บุตรสาวท่านมีวรยุทธ์ไม่เลว ต่อให้เป็นชายฉกรรจ์สี่ห้าคนก็ประชิดตัวนางไม่ได้ขอรับ”
นายหญิงเซี่ยปิดหน้าร่ำไห้เสียงดัง “นางเป็นสตรีผู้หนึ่ง เหตุอันใดต้องมีชายฉกรรจ์สี่ห้าคนประชิดตัวด้วย”
ชายหนุ่มกระแอมกระไออย่างกระอักกระอ่วน ก่อนจะชำเลืองมองเฉียวเจาทางหางตาแวบหนึ่ง
ตกลงว่าจะขอตัวกลับหรือไม่ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว
“เจ้าหยุดร้องไห้ก่อนเร็วเข้า ท่านโหวหมายถึงว่าบุตรสาวเรามีวรยุทธ์สูง ไม่เกิดเรื่องกับนางหรอก”
นายหญิงเซี่ยไม่ยอมเอามือที่ปิดหน้าไว้ออก “ท่านโหวก็มีวรยุทธ์สูงเช่นกัน คุณหนูใหญ่สกุลเฉียวยังตกอยู่ในมือพวกต๋าจื่อเลยมิใช่หรือ”
เซ่าหมิงยวนพูดอะไรไม่ออกไปทันใด “…” พอที หากพูดยุแยงตะแคงรั่วต่อหน้าภรรยาที่ข้ายังตามง้องอนขอคืนดีไม่ได้เช่นนี้ ข้าจะบันดาลโทสะแล้วจริงๆ นะ!
“ฮูหยิน นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า” นายท่านเซี่ยกระดากกระเดื่องอย่างมาก
ในครั้งนั้นภรรยาของเขาผู้นี้ยอมออกเรือนกับเขาโดยไม่รังเกียจว่าแขนพิการข้างหนึ่ง นางเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาและใจกว้าง อะไรๆ ก็ดีไปหมด เสียอย่างเดียวพอโกรธขึ้นมากล้าพูดได้ทุกอย่าง
“เหตุใดรึ จะติงว่าข้าพูดจาไม่เป็นหรือ ท่านรีบตามหาบุตรสาวข้ากลับมาโดยไว หลังจากนั้นอยากหย่ากับข้าก็ย่อมได้!”
นายหญิงเซี่ยออกแรงผลักนายท่านเซี่ยออก
เขาหน้าแดงจรดใบหูยามเอ่ยกับเซ่าหมิงยวน “ท่านโหว คือว่าท่าน…”
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้มด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ท่านลุง ในเมื่อท่านมีเรื่องต้องสะสาง ผู้เยาว์ก็ไม่รบกวนแล้ว…”
แม่นางเฉียวที่อยู่ด้านหลังเตะเขาเบาๆ ทีหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ
นายท่านเซี่ยออกมาส่งคนทั้งสองที่หน้าประตู เซ่าหมิงยวนมองท้องฟ้าสีครามประดับเมฆขาวพลางระบายลมหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง
ทั้งสองเดินกลับไปตามทางเดิม เฉียวเจากระซิบถาม “ไฉนท่านไม่บอกว่าจะช่วย”
แม่ทัพหนุ่มงงงันไป “สตรีหนีออกจากเรือน ข้าก็ต้องช่วยเหลือด้วยหรือ”
เฉียวเจานิ่งขึงไปแล้วมุ่นคิ้วพลางกล่าว “แต่นางจะไปทางทิศใต้เพื่อสังหารชาววอโค่ว สถานการณ์ทางนั้นวุ่นวายปานนั้น…”
“ไม่ต้องห่วง ตอนอยู่ที่สวนดอกไม้ข้าได้ประลองฝีมือกับคุณหนูเซี่ยแล้ว นางรับมือชายฉกรรจ์หลายคนได้อย่างไม่เป็นปัญหา”
เฉียวเจายังคงกังวลใจอยู่บ้าง “ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไป”
เซ่าหมิงยวนถอนใจยิ้มๆ “เมฆฝนบนฟ้ายังคาดหมายไม่ได้ นั่งอยู่ในเรือนดีๆ ก็อาจโดนแผ่นกระเบื้องตกใส่ศีรษะตายได้เหมือนกัน”
นัยน์ตาชายหนุ่มทอแววลึกล้ำ เขามองเด็กสาวตรงหน้า เอ่ยถามเสียงเบาว่า “เจาเจา เจ้าอยากตามคุณหนูเซี่ยกลับมาหรือ”
เฉียวเจาส่ายหน้าอย่างเหนือความคาดหมายของเขา “ไม่ ทีแรกข้าอยากให้ท่านส่งคนไปคุ้มครองนาง แต่ตอนนี้คิดๆ แล้วการเดินทางหนนี้ท่านพาเยี่ยลั่วตามมาคนเดียว ไม่มีกำลังคนเลย ท่านกล่าวไม่ผิด คนเราจะเป็นตายร้ายดีไม่อาจคาดเดา จะล้มเลิกสิ่งที่อยากทำเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ การได้เป็นวีรสตรีไม่น้อยหน้าบุรุษคือความใฝ่ฝันของเซิงเซียวมาโดยตลอด”
หญิงสาวทอดสายตามองไปทางทิศใต้ นางไม่รู้ว่ายามนี้เซี่ยเซิงเซียวนั่งอยู่บนเรือที่มุ่งหน้าลงใต้แล้วหรือยัง แต่นางรู้ว่าในใจสหายรักขณะนี้จะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน
หากคนเรามีชีวิตอยู่เป็นเวลานานแต่ไร้ซึ่งความสุขจะมีความหมายใดเล่า มิสู้ทำตามใจปรารถนาจึงจะไม่เสียชาติเกิด
เซี่ยเซิงเซียว พวกเราสองคนอย่ายอมแพ้นะ แล้วพบกันที่แดนใต้