ทดลองอ่าน หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม บทที่ 413-บทที่ 414 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม บทที่ 413-บทที่ 414

บทที่ 414

“กวนจวินโหวไปที่สกุลเซี่ยในตำบลไป๋อวิ๋น?” ได้ฟังรายงานจากสายสืบแล้ว นายอำเภอหวังส่งคนไปแจ้งข่าวเจ้าเมืองหลี่ทันที

เจ้าเมืองหลี่ได้ข่าวแล้วเรียกที่ปรึกษามาพูดคุยหารือ

“อาจารย์หานเห็นว่าความเคลื่อนไหวในวันนี้ของกวนจวินโหวมีนัยลึกซึ้งอันใดหรือไม่”

ที่ปรึกษาซึ่งถูกเรียกขานว่า ‘อาจารย์หาน’ เป็นผู้เฒ่าร่างผอมเกร็งไว้เคราแพะผู้หนึ่ง เขาได้ยินคำกล่าวนี้ก็ลูบเคราพลางกล่าว “ก่อนหน้านี้พวกเราเคยสืบข่าวของสกุลเซี่ยในตำบลไป๋อวิ๋นมาแล้วว่าเป็นตระกูลสามัญธรรมดา สมัยเฉียวจัวยังมีชีวิตอยู่ก็ไปมาหาสู่กับสกุลเซี่ยอย่างใกล้ชิด ทั้งสองตระกูลจึงกลายเป็นสหายสนิทกัน กวนจวินโหวมาถึงจยาเฟิงจะไปเยี่ยมคารวะสกุลเซี่ยก็มิใช่เรื่องน่าแปลก”

“ไปเยี่ยมคารวะสกุลเซี่ยมิใช่เรื่องน่าแปลก ทว่ากวนจวินโหวไปที่นั่นแต่เช้าตรู่แบบลับๆ ล่อๆ ต่างหากที่พิลึกพิลั่นอยู่บ้าง ข้ารู้สึกไม่วายว่าไม่ชอบมาพากล”

“ใต้เท้าจะรู้สึกเฉกนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา คนผู้หนึ่งกระทำสิ่งใดผิดไปจากปกติล้วนมีเหตุผล ข้าเสนอแนะให้จับตาดูต่อไปก็ไม่เสียหาย ถึงอย่างไรแค่ไปเยี่ยมคารวะสกุลเซี่ยในตำบลไป๋อวิ๋น ยังยากมากที่จะหยั่งเดาความคิดอ่านของกวนจวินโหวได้”

สีหน้าของเจ้าเมืองหลี่ทอแววเครียดขรึม เขามองดอกเบญจมาศสีดำแดงที่วางประดับไว้ตรงระเบียงหน้าต่าง พลางกล่าวทอดถอนใจ “ข้ากลัวว่ากวนจวินโหวจะสร้างฉากบังหน้าเพื่อลอบตลบหลัง ไปเยี่ยมคารวะสหายเก่าแก่ของสกุลเฉียวเป็นคำอ้าง ความจริงแล้วจะสืบหาความจริงของเหตุไฟไหม้เรือนสกุลเฉียวต่างหาก”

เขากล่าวถึงตรงนี้แล้วเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ “สมุดบัญชีที่คุณชายใหญ่สกุลเฉียวนำขึ้นถวายฮ่องเต้เล่มนั้นก็ได้จากมือสหายเก่าแก่ของสกุลเฉียวผู้หนึ่งมิใช่หรือ ตอนนั้นชะล่าใจไปจริงๆ จึงปล่อยให้คุณชายเฉียวรอดชีวิตไปได้ เพราะเหตุนี้ทำให้ข้าโดนต่อว่าไม่น้อย”

“ดังนั้นหนนี้พวกเราต้องจับตาดูไว้ให้ดีๆ จึงจะถูก”

เจ้าเมืองหลี่พยักหน้า “ย่อมจะหละหลวมไม่ได้ ดีที่สกุลเซี่ยเป็นครอบครัวธรรมดา ก่อนและหลังเหตุไฟไหม้คุณชายเฉียวล้วนมิได้ไปเยี่ยมคารวะที่นั่น เห็นได้ว่าด้วยระดับชั้นของสกุลเซี่ย สกุลเฉียวไม่ได้ข้องแวะพัวพันกับพวกเขาลึกซึ้งไปกว่านี้ แต่พวกตระกูลอื่นๆ นั้นบอกได้ยากแล้ว”

“ใต้เท้า สกุลจูในเมืองจยาเฟิงต้องระวังเป็นพิเศษ ก่อนผู้ตรวจการเฉียวจะลาราชการไว้ทุกข์ให้บิดา คนแซ่จูผู้นั้นก็เป็นสหายขุนนางที่รั้งตำแหน่งอยู่ในสำนักตรวจการด้วยกัน”

รอยชิงชังจุดวาบขึ้นในดวงตาเจ้าเมืองหลี่ “เฉียวโม่ไปเยี่ยมคารวะสหายเก่าแก่หลายคนก่อนออกจากจยาเฟิงเป็นการลวงให้หลงกล ข้าคะเนว่าเขาได้สมุดบัญชีเล่มนั้นจากสกุลจูนี่เอง ดีที่คนแซ่จูตายเพราะม้าตื่นไปแล้ว ถึงพวกเขาไปหาก็เสียเที่ยวเปล่า”

“ใต้เท้าจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด เรื่องนั้นร้ายแรงใหญ่หลวง จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ตรวจการจูที่ตายไปมิได้เผื่อทางหนีทีไล่ไว้เล่า”

นัยน์ตาของเจ้าเมืองหลี่ปรากฏแววอำมหิต “น่าเสียดายที่เรือนสกุลเฉียวถูกไฟไหม้วอดวายแล้วกลายเป็นที่สนใจของผู้คนอย่างช่วยมิได้ จะตัดรากถอนโคนสกุลจูอีกก็ทำได้ไม่ถนัด ใครจะคิดว่าไล่ผู้แทนพระองค์จากเมืองหลวงกลับไปได้กวนจวินโหวก็มาอีก รู้แต่แรกไม่ควรคำนึงถึงอะไรมากมายเช่นนั้น ในเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด…”

“ใต้เท้าอย่าเพิ่งผลีผลามจะดีกว่า บัดนี้กวนจวินโหวอยู่ในที่แจ้ง เราอยู่ในที่ลับ ฝ่ายที่จับต้นชนปลายไม่ถูกคือกวนจวินโหวมิใช่พวกเรา หากท่านจัดการสกุลจูในเวลานี้กลับทำให้พบร่องรอย”

เจ้าเมืองหลี่พยักหน้า “อาจารย์หานกล่าวได้ถูกต้อง ส่งคนเฝ้าดูกวนจวินโหวไว้ทุกฝีก้าวก่อน เขาเยี่ยมคารวะสหายเก่าแก่ของสกุลเฉียวแต่เพียงอย่างเดียวก็แล้วกันไป แต่หากยังวางแผนอื่นไว้ พอเขาสืบพบอะไรค่อยลงมือทันที”

“กวนจวินโหวมิใช่จะรับมือได้ง่ายๆ” ที่ปรึกษาลูบเคราพร้อมกล่าว

เจ้าเมืองหลี่ยิ้มเยาะ “สองหมัดยากจะต่อกรกับสี่มือได้ กวนจวินโหวเดินทางลงใต้มาหนนี้ไม่กล้าพาคนติดตามมา ส่วนคนอื่นๆ เป็นเพียงหมอนปักลายเท่านั้น เขาจะเก่งกาจปานใด แต่ส่งคนไปรุมเยอะๆ ก็ต้องเล่นงานเขาถึงตายได้”

ที่ปรึกษากังวลใจอยู่บ้าง “อย่างนั้นจะเอิกเกริกเกินไป ข้าว่าทางที่ดีใต้เท้าบอกกล่าวทางนั้นให้รับรู้ไว้โดยไวจะดีกว่า ถึงต้องใช้คนก็อย่าใช้คนของพวกเราอย่างเปิดเผย”

“แน่นอน ตอนได้รับสารจากเมืองหลวงก็ส่งข่าวให้ทางนั้นแล้วมิใช่หรือ ดูทีว่าคนจากทางนั้นก็ใกล้มาถึงแล้ว” เจ้าเมืองหลี่นึกถึงเรื่องพวกนี้ก็ปวดเศียรเวียนเกล้า เขากล่าวด้วยสีหน้าขุ่นมัวต่อว่า “ถ้าไปถึงขั้นนั้นยังต้องหว่านล้อมองครักษ์จินหลินอีก วุ่นวายจริงๆ หวังว่ากวนจวินโหวจะรู้จักกาลเทศะสักนิด อย่าก่อเรื่องให้มากนัก”

ทางเมืองหลวงบอกแล้วว่าเมื่อสิ้นสุดวาระการพิจารณาความดีความชอบปีหน้า เขาจะได้ระดับชั้นเอกและโยกย้ายไปเป็นขุนนางในเมืองหลวง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้หากมิใช่โดนบีบให้จนตรอก ใครจะอยากเล่นกับไฟกันเล่า

เจ้าเมืองหลี่คิดคำนึงถึงตรงนี้ สายตาก็เหี้ยมเกรียมยิ่งขึ้น

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com