พวกเฉียวเจาได้รับห่อกระดาษเคลือบมันจากสกุลเซี่ยแล้วก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปเยี่ยมคารวะสหายเก่าแก่ของตระกูลต่อ จึงกลับถึงหมู่บ้านไป๋อวิ๋นแต่หัววัน
หน้ากากหนังมนุษย์ติดบนใบหน้าได้ง่ายทว่าแกะออกยาก เฉียวเจายกมือดึงทีหนึ่ง แต่มันแนบติดผิวสร้างความเจ็บให้จนน้ำตาไหล
เซ่าหมิงยวนเห็นแล้วทั้งขบขันทั้งสงสาร “เจาเจา เจ้าใจร้อนอะไร”
“ก็อยากดูว่าของในห่อกระดาษเป็นอะไรโดยไวน่ะสิ หน้ากากหนังมนุษย์นี้แกะออกเลยไม่ได้หรือ”
“ต้องใช้น้ำร้อนอบผิว” เขาบอกพลางเดินไปยกน้ำร้อนอ่างหนึ่งมาจากห้องครัว แล้วพูดกำชับนางว่า “ใช้ไอร้อนอบหน้านานหนึ่งเค่อก่อน จากนั้นก็จะแกะออกมาได้แล้ว”
เฉียวเจาพยักหน้าแล้วก้มศีรษะลงไปใกล้ๆ อ่างน้ำ ครั้นนึกถึงว่าคนบางคนจับจ้องตาเป็นมันอยู่ด้านข้างก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างโดยพลัน นางจึงหันไปกล่าวกับเขา “แม่ทัพเซ่า ท่านกลับห้องไปก่อนเถอะ ประเดี๋ยวข้าแกะหน้ากากออกเสร็จค่อยไปหาท่าน”
คนบางคนนั่งนิ่งไม่ขยับ
“แม่ทัพเซ่า?”
แม่ทัพหนุ่มถอนใจอย่างหมดปัญญา “เจาเจา นี่เป็นห้องข้า”
ชายหนุ่มกลั้นยิ้มมองดูท่าทางเก้อกระดากของเด็กสาวอย่างไม่วางตา เขาพูดอย่างคับข้องใจมาก “เจ้าจะให้ข้าไปที่ใดเล่า”
นางก้มหน้าไม่แยแสเขาอีก
หนึ่งเค่อนั้นสั้นมาก แต่สำหรับเฉียวเจาแล้วกลับยาวนานเหลือเกิน นางอดทนรอจนครบเวลาอย่างไม่ง่ายดายก็ยกตัวขึ้น
เซ่าหมิงยวนพลันลุกขึ้นเดินเข้ามาย่อกายอยู่เบื้องหน้านาง “อย่าขยับ ข้าช่วยแกะออกให้”
นางกะพริบตาปริบๆ ตั้งท่าจะทักท้วง คนผู้นั้นก็กล่าวต่อว่า “การแกะก็มีกลวิธีเฉพาะอยู่ เจ้าใช้กำลังดึงออก ถ้าเกิดดึงขาดเหลือครึ่งหนึ่งติดอยู่บนหน้า…”
เฉียวเจาหลับตาลงเสียเลย ถือคติว่าไม่เห็นไม่รำคาญใจ “รีบแกะเถอะ”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่งก่อนเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ ยกมือแตะบนหน้าผากเรียบเนียนของเด็กสาว แพขนตางามงอนของนางกระพือขึ้นลงถี่ๆ
เขาไม่รีรอลังเลอีก ลอกหน้ากากหนังมนุษย์ออกอย่างเบาไม้เบามือ เผยให้เห็นใบหน้าที่ประทับอยู่กลางใจตนออกมา
“เสร็จแล้ว?” เฉียวเจาลืมตาขึ้นพบว่าชายหนุ่มอยู่ใกล้เพียงคืบกะทันหัน ลมหายใจของเขากับนางรินรดใส่กันและกัน ชวนให้หวามใจไร้ที่สิ้นสุด
เฉียวเจาหน้าแดงทันใด นางกระถดตัวหนี
เซ่าหมิงยวนมือไวตาไวประคองนางไว้ พูดกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ “ระวังหงายหลัง ข้าถอยออกเองก็ได้”
แม่ทัพหนุ่มเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม่ไกลนักแต่โดยดี ในใจเขางุนงงเป็นอันมาก
ทั้งที่ตอนเขาไม่รู้ว่านางคือเจาเจา นางจ้องมองหน้าท้องเขาจนตาไม่กะพริบบ่อยๆ เหตุไฉนตอนนี้ถอยห่างจากเขาเหมือนกับเขาเป็นงูเงี้ยวเขี้ยวขอเสียแล้ว
หากขณะนี้แม่นางเฉียวล่วงรู้ความคิดของแม่ทัพเซ่า เกรงว่าจะแค่นเสียงเยาะว่า ‘นี่ยังต้องพูดอีกหรือ พวกบุรุษบทจะหน้าหนาขึ้นมาก็น่าโมโหจนควันออกหูเลยทีเดียว ถ้ายังทำเช่นเดียวกับเมื่อก่อน จะไม่โดนเขารวบหัวรวบหางไปแล้วหรือไร’
เฉียวเจานวดคลึงใบหน้าให้ผิวที่ตึงๆ หนักๆ จากการสวมหน้ากากไว้เป็นเวลานานผ่อนคลายแล้วยื่นมือออกไป “แม่ทัพเซ่า เปิดห่อของที่ท่านลุงเซี่ยมอบให้ท่านออกดูเถอะ”
เซ่าหมิงยวนหยิบห่อกระดาษเคลือบมันมาเปิดออก ในนั้นเป็นกระดาษสารว่างเปล่าแผ่นหนึ่ง
หญิงสาวรับมันมาจ่อใต้จมูกดมกลิ่น นางนิ่งตรึกตรองครู่หนึ่งถึงเอ่ยกับเขา “แม่ทัพเซ่า รบกวนท่านหยิบเทียนไขมาที”
เขาหยิบเทียนไขมาให้ เฉียวเจาถือกระดาษเปล่าอังอยู่เหนือเปลวเทียนอย่างระมัดระวัง เห็นภาพร่างของบางสิ่งปรากฏขึ้นบนนั้นอย่างเลือนราง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.