เมื่อถ้อยคำนี้ดังขึ้นชาวบ้านที่มุงดูอยู่ก็มีสีหน้าตื่นกลัว สายตาที่มองดูพวกเฉียวเจาฉายแววสับสนปรวนแปร
“พี่ซานตั้นตายแล้วหรือ” จู่ๆ มีสตรีวัยราวสิบห้าสิบหกนางหนึ่งวิ่งออกจากกลางหมู่คนพรวดพราดเข้ามา
นางเป็นเด็กสาวผิวขาวสะสวย เทียบกับสาวชาวบ้านทั่วไปแลดูงดงามโดดเด่นเหนือใคร
ขณะได้ยินเสียงของเด็กสาว สายตาของเฉียวเจานิ่งขึงไป นางอดหันหน้าไปมองเซ่าหมิงยวนไม่ได้
นางเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน เป็นเสียงที่ได้ยินตอนอยู่ในโพรงหินเมื่อคืนนี้นั่นเอง
เซ่าหมิงยวนพยักหน้ากับนางเล็กน้อยจนแทบจับสังเกตไม่ได้ เห็นชัดว่าเขาจดจำได้เช่นกัน
พอทั้งคู่ประสานสายตากันก็หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อราตรีก่อนแล้วต่างกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง
“ซานหนี เจ้ามาได้อย่างไร” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ท่านปู่ พี่ซานตั้นตายจริงๆ หรือเจ้าคะ” เด็กสาวเดินผ่านตัวผู้ใหญ่บ้านไปแล้วมองเห็นเตียงไม้กระดานคลุมผ้าขาวอยู่ใต้ต้นไม้กลางลาน ใบหน้านางเผือดขาวราวกระดาษทันใด จากนั้นวิ่งทะยานเข้าไปดุจลมพายุระลอกหนึ่ง
ผู้ใหญ่บ้านกระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ “ซานหนี เจ้าเข้าไปทำอะไร กลับมาเร็วเข้า”
พวกเซ่าหมิงยวนเห็นการกระทำของเด็กสาวแล้วมองดูอยู่เฉยๆ ส่วนชาวบ้านคนอื่นตั้งตัวไม่ติดในชั่วอึดใจ ปล่อยให้นางถลันไปที่ใต้ต้นไม้ยื่นมือกระตุกผ้าขาวออก
ดวงหน้าของบุรุษปรากฏขึ้นใต้ผ้าขาว
ความจริงบุรุษที่ว่านี้ยังเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดเท่านั้น ใบหน้าหมดจดเกลี้ยงเกลาของเขาบิดเบี้ยวไปจากเดิมด้วยความเจ็บปวด ตรงลำคอมีรอยนิ้วมือสีแดงอมม่วงสองนิ้วดูน่าสะพรึงกลัวเป็นพิเศษ
เด็กสาวร้องอุทานด้วยความตกใจพลางถอยกรูดๆ จนชนเข้ากับคนผู้หนึ่งโดยไม่ตั้งใจ นางหมุนกายไปจับตัวคนผู้นั้นไว้หมับแล้วไต่ถาม “พี่ซานตั้นตายได้อย่างไร ท่านรีบบอกข้าสิ พี่ซานตั้นตายได้อย่างไร”
คนที่ซานหนีจับไว้เป็นพี่สะใภ้คนรองของเด็กหนุ่มที่ตายไป นางโดนบีบแขนจนเจ็บก็เบะปากพูด “ตายได้อย่างไรน่ะหรือ ก็พูดกันว่าเดินอยู่บนถนนกลางดึกแล้วเจอผี เลยโดนผีร้ายบีบคอตาย”
ใบหน้าเด็กสาวปราศจากสีเลือด นางพูดเสียงแหลม “โดนผีร้ายบีบคอตาย?”
ผู้ใหญ่บ้านชักปวดเศียรเวียนเกล้าเสียแล้ว เขาตวาดเสียงห้วน “ซานหนี เจ้ารีบกลับเรือนไปเสีย!”
คนในหมู่บ้านมิได้โง่งม ซานหนีวิ่งออกมาเช่นนี้ ประเดี๋ยวคงถูกสตรีปากมากพวกนั้นซุบซิบนินทาไม่มีชิ้นดีเป็นแน่
ซานตั้นที่ตายไปมิใช่คนเอาถ่าน เขาจึงไม่ถูกใจอยู่แต่เดิม บัดนี้คนก็ตายไปแล้วจะให้หลานสาวของเขาพลอยเดือดร้อนไปด้วยไม่ได้
ซานหนีไม่รับฟังคำพูดของผู้ใหญ่บ้าน นางหันศีรษะช้าๆ กลับไปมองเด็กหนุ่ม สายตาจ้องเขม็งที่รอยนิ้วมือน่ากลัวบนลำคอเขา
“ซานหนี ปู่บอกให้เจ้ากลับเรือนไป ไม่ได้ยินหรือ” ผู้ใหญ่บ้านยื่นมือไปดึงตัวนาง
เด็กสาวคล้ายโดนนาบด้วยเหล็กเผาไฟ นางสะดุ้งสุดตัวแล้วร้องโวยวายเสียงแหลม “อย่าแตะต้องข้า! มีผี มีผี…”
“ซานหนี เจ้าพูดเหลวไหลอะไร”
นางถอยหลังทีละก้าว นัยน์ตาทั้งคู่เลื่อนลอย “มีผี มีผี เมื่อคืนข้าอยู่กับพี่ซานตั้น พวกข้าสองคนเห็นแล้ว”
คำพูดนี้ดังออกจากปากนางไม่ต่างกับโยนประทัดที่จุดแล้วเข้าไปกลางฝูงชน เสียงซุบซิบอื้ออึงของผู้คนประหนึ่งเปลวไฟโหมกระพือฉับพลัน มันกลบทับความหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่มีคนตายไปจนหมดสิ้น
ผู้ใหญ่บ้านโกรธจนหูอื้อตาลาย เขากล่าวตะคอก “นางเด็กคนนี้ พูดจาอะไรเหลวไหล!”
เขาเงื้อมือขึ้นจะตีซานหนี นางตกใจจนสะดุ้งโหยงวิ่งไปหาเด็กหนุ่มที่ตายไปแล้ว คว้ามือของเขาขึ้นมาพลางออกแรงฉุด “พี่ซานตั้น วิ่งเร็วเข้า มีผีไล่ตามมานะ…ฮือๆๆ เป็นเพราะเจ้าคนเดียว ข้าบอกว่าอย่าไปสถานที่อัปมงคลอย่างเรือนสกุลเฉียวนั่น เจ้ากลับจะไปให้ได้ ต้องโทษเจ้าคนเดียวๆ…”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.