บทที่ 419
ซานหนีหลานสาวคนที่สามของผู้ใหญ่บ้านเสียสติไปแล้ว นางพร่ำพูดถึงเรื่องเจอผีซ้ำๆ
จากนั้นก็มีพวกสอดรู้สอดเห็นที่ใจกล้าวิ่งไปตรงซากเรือนสกุลเฉียว ก็เห็นโคมไฟที่ซานหนีกับบุตรชายคนเล็กของสกุลหวังทิ้งเอาไว้ตอนแอบนัดพบกันเมื่อคืน
คนสองคนซึ่งไปที่ซากเรือนสกุลเฉียวมา คนหนึ่งตายคนหนึ่งเป็นบ้า ไม่ต้องสงสัยว่านี่เป็นข้อยืนยันเรื่องวิญญาณอาฆาตสกุลเฉียวกลายเป็นผีร้ายคร่าชีวิตคนเพราะการเปิดโลงพลิกศพนั้นเป็นเรื่องจริง
ชั่วอึดใจเดียวในหมู่บ้านเกิดเสียงโจษจันระเบ็งเซ็งแซ่ ยามเห็นพวกเฉียวเจาก็พากันเบือนหน้าหนีซ่อนแววตาที่แฝงรอยต่อว่าต่อขานไว้โดยไม่รู้ตัว
ชาวบ้านสามัญชนอย่างพวกเขาจะไปตอแยกับผู้มีอำนาจราชศักดิ์ก็คงไม่ไหว แต่คนพวกนี้หาเรื่องกันเช่นนี้ไม่ได้
ภายในเรือนของหญิงขายเต้าหู้ นักชันสูตรเฉียนกล่าวเสียงเยาะๆ “ผีร้ายคร่าชีวิตคนบ้าบออะไรกัน ข้ามองปราดเดียวก็รู้ว่าบุตรชายคนเล็กของสกุลหวังโดนคนบีบคอหัก แล้วดูจากมุมของรอยนิ้ว บอกได้เลยว่าคนผู้นั้นตัวสูงไล่เลี่ยกับท่านโหว”
ตัวสูงไล่เลี่ยกับเซ่าหมิงยวน?
เฉียวเจาฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ นางมองเขาแวบหนึ่ง
ประกายตาของชายหนุ่มเข้มขึ้น เห็นได้ว่าเขาคิดออกแล้วเหมือนกัน
หยางโฮ่วเฉิงทิ้งตัวลงนั่ง ยกมือขยุ้มๆ ผมพลางกล่าว “ไม่สำคัญว่าเขาตายเช่นไรกระมัง ข้าเห็นคนในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นอยากให้พวกเรารีบๆ ไสหัวไปใจจะขาดแล้ว ถิงเฉวียน หลังจากนี้พวกเราคิดจะสืบถามเบาะแสเหตุไฟไหม้เรือนสกุลเฉียวจากปากชาวบ้าน เกรงว่าคงยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าเห็นด้วย
คนในหมู่บ้านงมงายมากเสียจนหลงเชื่อเรื่องผีสาง ในใจย่อมกล่าวโทษและหวาดระแวงพวกเขา ถึงเวลาพอถามอะไรก็ตอบว่าไม่รู้สักอย่าง พวกเขาคงเอาตัวชาวบ้านพวกนี้มาใช้ทัณฑ์ทรมานเค้นถามไม่ได้
“ถิงเฉวียน จะมีคนพยายามยับยั้งไม่ให้เจ้าสืบต่อหรือไม่ ถึงได้จงใจสังหารคนเพื่อเบี่ยงเบนไปเป็นเรื่องผีสาง” ฉือชั่นเอ่ยปากถาม
“ก็มีความเป็นไปได้นี้อยู่”
“แล้วเจ้าตั้งใจจะทำอย่างไร ยังอยู่ที่หมู่บ้านไป๋อวิ๋นต่อหรือไม่”
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้ม “ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ว่าพวกเราหาเบาะแสที่พึงหาได้จากหมู่บ้านไป๋อวิ๋นพบแล้ว แต่ถ้าพวกเขาจะใช้วิธีฆ่าคนหันเหความสนใจไปที่เรื่องผีสางจริงๆ ก็ไม่มีผลกระทบต่อพวกเราแต่อย่างใด ข้าตั้งใจว่าเยี่ยมคารวะสหายเก่าของสกุลเฉียวเรียบร้อยแล้วก็จะไปจากที่นี่”
“ไปทะเลแดนใต้?”
“ใช่ ไปทะเลแดนใต้”
รอกระทั่งเหลือเพียงนางกับเซ่าหมิงยวนสองคน เฉียวเจาถึงถามขึ้น “ท่านคิดจริงๆ หรือว่าการตายของบุตรชายสกุลหวังเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามต้องการขัดขวางการสืบคดีของพวกเรา”
“เจาเจาเห็นว่าอย่างไรเล่า”
นางเดินไปที่ข้างโต๊ะ “นี่คือความเป็นไปได้ทางหนึ่ง ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างคือฆ่าคนปิดปาก”
หญิงสาวหยิบพู่กันวาดผังของหมู่บ้านไป๋อวิ๋นอย่างว่องไว จากนั้นชี้ตรงฝั่งขวาสุด “ท่านดูนะ ที่นี่คือเรือนสกุลหวัง อยู่ทางด้านหน้าหมู่บ้าน เรือนของผู้ใหญ่บ้านตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนเรือนที่เราอยู่ต้องเดินจากท้ายหมู่บ้านไปทางตะวันตกตัดผ่านสวนซิ่งจื่อจึงจะถึง เมื่อคืนบุตรชายสกุลหวังกับซานหนีวิ่งหนีไปอย่างรีบร้อน พอถึงจุดนี้ซานหนีกลับไปที่เรือนผู้ใหญ่บ้าน ตลอดระยะทางนี้พวกเขายังปลอดภัยอยู่”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าพลางเอ่ย “ไม่ผิด นี่พิสูจน์ได้ว่าเมื่อคืนตอนพวกเราไปทางนั้นไม่มีคนสะกดรอยตาม ดังนั้นพวกเขายังไม่พบกับฆาตกร”
“ใช่ แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นกับบุตรชายสกุลหวังตรงจุดนี้ซึ่งใกล้กับเรือนของเขามาก แม่ทัพเซ่า ท่านว่าเหตุผลที่เขาพบกับฆาตกรตรงนี้เป็นเพราะอะไร”
ความคิดอ่านของทั้งคู่สอดคล้องตรงกันอย่างยิ่ง เซ่าหมิงยวนกล่าวขึ้นทันที “เหตุผลที่เป็นไปได้ที่สุดคือตอนนั้นมีคนกำลังเล็ดลอดเข้ามาในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นพอดี คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับบุตรชายสกุลหวัง ด้วยเหตุนี้จึงฆ่าคนปิดปาก”
เฉียวเจายิ้มตาโค้ง “ข้าก็คิดเช่นนี้เช่นเดียวกัน”
ดวงตาของชายหนุ่มทอประกายกร้าววูบหนึ่ง “ตัวสูงไล่เลี่ยกับข้า เป็นไปได้มากว่าคนผู้นั้นคือฆาตกรที่เถี่ยจู้เคยเห็น พอพวกเราไปเยี่ยมคารวะสกุลเซี่ยที่ตำบลไป๋อวิ๋น ทางเจ้าเมืองหลี่ถึงกับนั่งไม่ติด ส่งยอดฝีมือคนนี้มาสังเกตการณ์พวกเรา”
เฉียวเจาเม้มมุมปาก สีหน้านางปึ่งชา “เจ้านั่นเป็นคนฉลาดผู้หนึ่ง หลังฆ่าคนปิดปากแล้วคิดหาหนทางเบี่ยงเบนความสนใจได้ทันที เช้าวันนี้ข่าวลือที่บุตรชายคนเล็กของสกุลหวังโดนผีร้ายสังหารก็แพร่สะพัดไปทั่ว จะต้องเป็นพวกนั้นช่วยโหมกระพือเป็นแน่แท้ หมายจะยิงทีเดียวได้นกสองตัว”