ร่างกายที่แข็งเกร็งของเฉียวเจาสั่นระริกละม้ายใบไม้ร่วงปลิวใบหนึ่ง
คนผู้นี้ปรากฏตัวในที่สุด เขาประมือกับเซ่าหมิงยวนแล้วดูท่าทางไม่ตกเป็นรองเลยทีเดียว
เป็นคราครั้งแรกที่นางเห็นคนที่มีฝีมือเชิงยุทธ์ทัดเทียมเซ่าหมิงยวนได้
วรยุทธ์ของคนผู้นี้สูงส่งกว่าที่นางคิดไว้ทีแรก เจ้าเมืองผู้หนึ่งมียอดฝีมือชั้นนี้อยู่ข้างกายเป็นเรื่องน่าประหลาดใจดีแท้
สายตาที่มองไปทางชายหนุ่มของเฉียวเจาฉายแววห่วงใยโดยไม่เก็บงำ
ถึงแม้นางเชื่อว่าบุรุษผู้นั้นต้องไม่เป็นอะไร แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
สติอาจควบคุมอารมณ์ได้ แต่ทำให้ความเป็นห่วงหายไปไม่ได้
แม่นางเฉียวคิดคำนึงว่านี่ก็คือพะวักพะวนจนเสียการกระมัง
เสียงความเคลื่อนไหวแผ่วเบาดังลอยมา นางหันไปมองต้นเสียง เห็นสายสืบที่โดนเซ่าหมิงยวนดีดหินใส่จนหมอบอยู่บนพื้นก่อนหน้านี้ค่อยๆ คืบคลานห่างไปอีกทางทีละนิดๆ ทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางอยู่ด้านหลัง
เฉียวเจาหรี่ตาลง บาดเจ็บถึงเพียงนี้แล้วยังคิดจะหลบหนีอีกหรือ
นางหันไปมองชายหนุ่มแวบหนึ่ง เวลานี้อย่าทำให้เขาว่อกแว่กจะดีกว่า นางยังจัดการกับบุรุษเจ็บหนักผู้หนึ่งได้ไหว
แม่นางเฉียวเหลียวมองรอบด้านก่อนจะหยิบหินก้อนหนึ่งขึ้นมา จากนั้นยกชายกระโปรงเดินหลบรอยเลือดบนพื้นแล้วสาวเท้าเร็วรี่ไปหาสายสืบที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด
“โปรดรอสักครู่เจ้าค่ะ” แม่นางเฉียวร้องเรียก
สุ้มเสียงของเด็กสาวอ่อนหวานนุ่มนวลคลับคล้ายลมวสันต์เจือกลิ่นดอกไม้ในเดือนสาม
สายสืบที่บาดเจ็บสาหัสเหลียวหลังโดยไม่ทันคิด
แม่นางเฉียวเงื้อมือเอาก้อนหินทุบศีรษะคนผู้นั้นอย่างใจเย็น
พอเห็นเขาล้มฟุบแน่นิ่งไปอยู่ตรงปลายเท้า เฉียวเจาระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง หมุนกายไปด้วยสีหน้าเฉยเมย
เซ่าหมิงยวนซึ่งต่อสู้กับหลิวหู่อยู่ดูเหมือนจดจ่อเต็มที่ แท้จริงแล้วเขาแบ่งสมาธิหลายส่วนคอยจับสังเกตเฉียวเจาอยู่ตลอด
เขามั่นใจว่าหางแรกที่โดนเขาเล่นงานไปถ้าไม่ตายก็อาการร่อแร่ ไม่มีทางทำอันตรายเฉียวเจาได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวที่สงบเสงี่ยมผู้นั้นจู่ๆ จะเดินเข้าไปเอาหินทุบศีรษะสายสืบที่คิดหลบหนีจนสลบเหมือด
นึกถึงท่าทางที่นางใช้ก้อนหินทุบศีรษะคนแล้วค่อยมองดูสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของนางในขณะนี้ เซ่าหมิงยวนยกมุมปากโค้งขึ้น เขาพลันเอี้ยวกายทำทีเปิดช่องโหว่แล้วจู่โจมจับตัวหลิวหู่ไว้ได้ในกระบวนท่าเดียว
เขาเงื้อดาบฟันเส้นเอ็นข้อมือของอีกฝ่ายจนขาดสะบั้นเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยดึงกรามให้หลุดออกทันที
เฉียวเจาเดินด้วยฝีเท้าเป็นจังหวะไปตรงหน้าเซ่าหมิงยวน สายตาที่จ้องมองหลิวหู่เย็นชาดุจน้ำแข็ง
เมื่อครั้งที่คนผู้นี้ติดตามเจ้าเมืองหลี่ไปเยี่ยมคารวะท่านปู่ของนาง เขาเงียบขรึมไม่ช่างพูดเหมือนไม่มีตัวตนอยู่สักนิดเฉกเช่นองครักษ์ผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์
ในสกุลเฉียวมีจำนวนคนไม่มาก ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตามสบาย ตอนนั้นอาหารที่ท่านย่าตระเตรียมให้คนผู้นี้ไม่ด้อยไปกว่าโต๊ะใหญ่ สาวใช้อาวุโสข้างกายของท่านย่าเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อยยังยกข้าวมาให้อีกหลายชามเป็นพิเศษ
ยามที่คนผู้นี้ลงมือสังหารบิดามารดาและญาติพี่น้องของนางเคยคิดถึงสิ่งเหล่านี้หรือไม่
ย่อมไม่ได้คิดเป็นธรรมดา เดรัจฉานที่สูญสิ้นความเป็นมนุษย์ไปแล้วจะมีเวลาจดจำว่าตนเองเป็นคนได้อย่างไรเล่า
เมื่อเห็นสีหน้าของเฉียวเจาผิดปกติไป เซ่าหมิงยวนตบแขนนางเบาๆ “เจาเจา มีเรื่องอะไรกลับไปค่อยว่ากัน”
นางดึงความคิดคืนมาแล้วพยักหน้าแรงๆ
ในเมื่ออดทนมาได้ตั้งนานปานนี้ นางย่อมรอต่อไปไหวแน่นอน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 10 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.