เห็นสหายรักทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ฉือชั่นกลอกตาขึ้นอย่างระอาใจ เขาแค่นเสียงพูดว่า “วางใจเถอะ พวกเราไม่เป็นไรแน่ คนพวกนั้นบุกมา จะไม่ปล่อยให้รอดกลับไปแม้สักคน”
หยางโฮ่วเฉิงเบิกตากว้าง “ไม่ใช่กระมัง อาศัยพวกเราแค่สิบกว่าคนนี้น่ะหรือ แม้ถิงเฉวียนจะเก่งกาจ ทว่าเขาพาแต่เยี่ยลั่วกับเฉินกวงมา สองหมัดยากจะต่อกรสี่มือนะ!”
ฉือชั่นชายตามองเฉียวเจาก่อนพูดเรียบๆ “อาศัยว่าถิงเฉวียนไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับหลีซาน”
“เอ๊ะ?” หยางโฮ่วเฉิงอดมองไปที่นางไม่ได้
เฉียวเจาทำหน้าตะลึงงัน คาดไม่ถึงว่าฉือชั่นจะกล่าวเช่นนี้
เซ่าหมิงยวนเปล่งเสียงหัวร่อเบาๆ “พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับพวกเจ้าคนใดคนหนึ่ง”
ตรงเชิงกำแพงเมืองเยี่ยนที่แดนเหนือ เขาต้องปลิดชีพภรรยาโดยไม่มีทางเลือกใดๆ ความเจ็บปวดเช่นนั้นเพียงพอจะทำให้เขาจดจำจวบจนวันตาย แล้วเขาจะกระทำผิดพลาดเฉกนี้ซ้ำสองอีกได้เช่นไร
ฉือชั่นเลิกคิ้วขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย “ถิงเฉวียน เจ้าเลิกทำลับลมคมในเสียที บอกมาเถอะว่ามีแผนสำรองอะไรไว้”
เซ่าหมิงยวนมองเยี่ยลั่วที่อยู่ห่างไปไม่ไกลแวบหนึ่งถึงกล่าวยิ้มๆ “องครักษ์ของข้าเป็นคนที่สู้ได้แบบห้าต่อหนึ่งทั้งสิ้น”
ที่เขาบอกว่าสู้ได้แบบห้าต่อหนึ่งหมายถึงประจันหน้ากับชาวต๋าจื่อของเป่ยฉีที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายโหดเหี้ยม ไม่ว่าเจ้าเมืองหลี่จะเรียกทัพหนุนจากที่ใด เขาเชื่อว่าไม่มีทางดุร้ายโหดเหี้ยมไปกว่าชาวต๋าจื่อ
“ถึงจะสู้ได้แบบห้าต่อหนึ่ง แต่พวกเจ้ามีกันแค่สามคนนะ” หยางโฮ่วเฉิงนับนิ้วไปมาจู่ๆ ก็ยิ้มออกแล้ว “ถิงเฉวียน เจ้านับข้าด้วยใช่หรือไม่ แต่ต่อให้เป็นอย่างนี้ รวมกับองครักษ์จินอู๋พวกนั้น พวกเราก็รับมือได้หลายสิบคนเป็นอย่างมาก…”
“เจ้ายกหางตนเองจริงๆ” ฉือชั่นพูดเยาะ
หยางโฮ่วเฉิงไม่ชอบใจเสียแล้ว “นี่เป็นการยกหางตนเองอย่างไรกัน ไม่นับถิงเฉวียนกับองครักษ์สองคนของเขา ในบรรดาพวกเราข้ามีฝีมือดีที่สุด ดังคำกล่าวว่าเลือกคนสูงจากหมู่คนเตี้ย ก็ต้องยกให้ข้าแล้ว”
“ใช่ๆๆ เจ้าตัวสูงที่สุดในหมู่คนเตี้ย พอใจแล้วกระมัง” ฉือชั่นคร้านจะโต้เถียงกับอีกฝ่าย เขามองไปทางเซ่าหมิงยวน
เขาประจักษ์แจ้งดีเรื่อยมาว่าในด้านนี้พวกตนห่างชั้นจากเซ่าหมิงยวนไกลลิบ
เซ่าหมิงยวนไม่อยากให้สหายรักสองคนต่อปากต่อคำกันอีก เขาจึงกล่าวเสียงเบาๆ ขึ้นว่า “ขอบอกพวกเจ้าอย่างไม่ปิดบัง เดินทางลงใต้มาหนนี้ ข้าพาองครักษ์มาด้วยสามสิบคน”
การเดินทางสู่แดนใต้ในคราวนี้ ด้วยตำแหน่งฐานะของเขาก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมไหวในราชสำนักได้ง่าย พาองครักษ์มาด้วยจำนวนมากจะเป็นที่หวาดระแวงของเบื้องบน ดังนั้นองครักษ์เหล่านั้นล้วนไม่อาจเผยตัวในที่แจ้ง ได้แต่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านทั่วไปติดตามอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ฉือชั่นทำสีหน้าเป็นเชิงว่าไม่ผิดจากที่คาดไว้ เขารู้อยู่แล้วว่าเซ่าหมิงยวนใจเย็นถึงเพียงนี้จะต้องเตรียมการมาเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นหญิงในดวงใจอาจมีอันตรายถึงชีวิต ไหนเลยจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเฉกนี้อยู่ได้เล่า
หยางโฮ่วเฉิงอึ้งไปแล้วอ้าปากหัวเราะ “เป็นเช่นนั้นก็ดีเลย คืนนี้พวกเราได้สู้อย่างหนำใจแล้ว”
การต่อสู้โดยปราศจากความตึงเครียดย่อมต้องดีกว่าโดนรุมล้อมโจมตีข้างเดียวมากนัก หยางโฮ่วเฉิงคิดไปเช่นนี้ก็ถึงกับเริ่มคันไม้คันมือแล้ว
บรรยากาศรอบกายพวกเขาผ่อนคลายลงทันใด
“ข้าไปกำชับกับผู้ใหญ่บ้านไว้สักหน่อย” เซ่าหมิงยวนเดินออกจากประตูลานเรือน
ม่านราตรีคลี่คลุมลงทีละน้อย เพราะข่าวลือว่าเรือนสกุลเฉียวมีผียิ่งมายิ่งหนาหูขึ้นทุกที เป็นเหตุให้ชาวบ้านทั้งหลายปิดประตูเรือนกันแต่หัววัน ทั่วทั้งหมู่บ้านเงียบเชียบ ไม่มีคนย่างเท้าออกนอกลานเรือนสักก้าว
จันทร์กระจ่างกลางหาวหลบเร้นอยู่หลังเมฆดำตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้
คนชุดดำกลุ่มหนึ่งอาศัยความมืดบดบังกายมุ่งหน้าตรงไปทางท้ายหมู่บ้านอย่างลับๆ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 12 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.