“เอ๊ะ?” ดวงตาของแม่ทัพหนุ่มเปล่งประกายวูบหนึ่ง “ข้าจะเข้าใจได้ที่ใดกันเล่า ข้าเพียงอยากหาตัวฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังการสังหารครอบครัวท่านพ่อตาข้าออกมา ใครจะรู้ว่าจะไปละเมิดข้อห้ามของใต้เท้าหลี่เข้า เรื่องมาถึงขั้นนี้ข้าจะขอให้ท่านไขความกระจ่างให้ได้หรือไม่ว่าการตายของชาวสกุลเฉียวเกี่ยวข้องกับท่านหรือไม่”
เจ้าเมืองหลี่ไม่มีทางโฉดเขลาถึงกับยอมรับเรื่องนี้กับปากต่อหน้าธารกำนัล เขากล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเล่ห์ร้าย “หากท่านโหวมีข้อกังขา มิสู้ไปถามไถ่จากท่านพ่อตาของท่านเองเถอะ”
เขายกมือขึ้นจะออกคำสั่งให้ลงมือได้ จู่ๆ มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ช้าก่อน!”
เจ้าเมืองหลี่ชะงักมือ อดเหลียวหน้าไปไม่ได้
เจียงอู่ในชุดเสื้อแพรรัดสายคาดเอวนกหลวน* รูปลักษณ์กิริยาสง่าผ่าเผย เขานำพาองครักษ์จินหลินกองหนึ่งเดินเข้ามา
เจ้าเมืองหลี่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ในเวลาเช่นนี้เขาไม่แจ่มแจ้งว่าเหตุใดองครักษ์จินหลินถึงยื่นมือก้าวก่าย เขานึกว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะเข้าใจอะไรๆ ได้ตรงกันมาตั้งนานแล้วจึงจะถูก
“ท่านเจียงอู่” เจ้าเมืองหลี่ประสานมือคารวะ
เจียงอู่ยืนนิ่งอยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าเมืองหลี่กับเซ่าหมิงยวน เขาคารวะทักทายเซ่าหมิงยวนก่อนค่อยยกยิ้มไต่ถามเจ้าเมืองหลี่ “นี่ใต้เท้าหลี่ทำอะไรหรือ”
“ข้าได้รับข่าวว่ามีโจรเร่ร่อนกบดานอยู่ที่หมู่บ้านไป๋อวิ๋น จึงตั้งใจนำกำลังทหารบุกมาปราบปรามขอรับ” เจ้าเมืองหลี่ตอบยิ้มๆ
เจียงอู่ขมวดคิ้ว “เสียงดังเอะอะเหลือเกิน”
“หลายวันก่อนข้าได้บอกกล่าวกับท่านเจียงอู่แล้วว่าพักนี้ทางจยาเฟิงไม่ค่อยสงบ แล้วก็เป็นไปตามคาด คืนนี้เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เพียงแต่ไม่นึกว่าจะรบกวนท่านให้รำคาญใจ ต้องขออภัยท่านด้วยขอรับ” เจ้าเมืองหลี่กล่าวอย่างมีนัยลึกซึ้ง
เจียงอู่เหยียดมุมปาก ท่านพ่อบุญธรรมเคยบอกว่าเจ้าเมืองหลี่ผู้นี้เป็นคนของสมุหราชเลขาธิการหลัน เมืองจยาหนานตั้งอยู่ในชัยภูมิพิเศษ เขาในฐานะเจ้าเมืองเลยกลายเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างเมืองหลวงกับทางทะเลแดนใต้ หลายๆ เรื่องที่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ล้วนได้เจ้าเมืองจยาหนานเป็นคนลงมือสะสาง
แม้นคนผู้นี้เป็นเจ้าเมืองเล็กๆ ผู้หนึ่ง แต่เขากลับล่วงเกินอีกฝ่ายได้ไม่ถนัด
“ท่านเจียงอู่ ถึงแม้โจรเร่ร่อนจะดุร้ายเจ้าเล่ห์ แต่ข้านำกำลังเกือบหนึ่งพันคนมาปราบปราม ทางนี้คงไม่ต้องให้ท่านวุ่นวายใจ รอเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลงข้าจะเชิญท่านไปร่วมดื่มสุรากันสักจอกที่หอเยี่ยนหยางนะขอรับ”
เจียงอู่มองเซ่าหมิงยวนแวบหนึ่งแล้วนิ่งตรึกตรองครู่เดียวก็ตัดสินใจได้ เขาส่งยิ้มบางๆ ให้กับเจ้าเมืองหลี่ “ใต้เท้าหลี่ แต่ไรมาการปราบโจรมิใช่หน้าที่ของกององครักษ์จินหลิน ข้าไม่สนใจจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่นี่ แต่ข้าต้องการคนผู้หนึ่ง”
“ท่านต้องการใครหรือ” เจ้าเมืองหลี่คาดไม่ถึงอยู่บ้าง
เจียงอู่คงไม่ได้ต้องการตัวกวนจวินโหวกระมัง เรื่องราวล่วงเลยมาถึงขั้นนี้ กวนจวินโหวจะมีชีวิตอยู่จนเห็นแสงตะวันพรุ่งนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเจียงอู่ยืนอยู่ข้างเดียวกับกวนจวินโหวจริงๆ หรือว่าเขาต้องแตกหักกับกององครักษ์จินหลิน
“ข้าต้องการคุณหนูหลีที่อยู่ข้างกายกวนจวินโหวผู้นั้น” เจียงอู่บอกด้วยน้ำเสียงไม่เร็วไม่ช้า
เจ้าเมืองหลี่ไม่ทันได้แสดงท่าทีใดๆ เซ่าหมิงยวนก็เดือดดาลอย่างหนักแล้ว “เจ้าพูดอีกทีสิ?”
ดวงตาของเจียงอู่ไหววูบ เขาคลายยิ้ม “ท่านโหวเข้าใจผิดแล้ว ข้าอยากคุ้มครองคุณหนูหลีเท่านั้น หาได้มีความหมายอื่นใดไม่”
มาตรว่าเขาจะรู้สึกฉงนฉงายกับคำสั่งของบิดาบุญธรรมอย่างมาก แต่ไม่มีวันฝ่าฝืนเด็ดขาด
ปัญหาระหว่างเจ้าเมืองหลี่กับกวนจวินโหวซับซ้อนยุ่งเหยิงเกินไป เขาคร้านจะเอาตัวเข้าไปพัวพัน ขอเพียงมีคำอธิบายให้ท่านพ่อบุญธรรมได้เท่านั้นเป็นพอ
ร่างของเด็กสาวปรากฏขึ้นข้างกายเซ่าหมิงยวน
“เจ้าออกมาด้วยเหตุใด” เซ่าหมิงยวนเบนหน้าไปถามนาง แววตาแข็งกร้าวอ่อนละมุนลงในพริบตา
“ข้าได้ยินว่ามีคนอยากพาข้าไป”
เจียงอู่ยิ้มน้อยๆ “เช่นนั้นคุณหนูหลีเต็มใจติดตามข้าไปหรือไม่เล่า”
กลุ่มของกวนจวินโหวถูกคนนับพันโอบล้อมไว้ มีแต่ตายสถานเดียว โอกาสรอดชีวิตเช่นนี้แม่นางน้อยต้องคว้าไว้เป็นแน่กระมัง
เฉียวเจามองเจียงอู่ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง จู่ๆ ก็คลี่ยิ้มหวาน “ข้าไม่เต็มใจติดตามท่านไป ข้าต้องการให้ใต้เท้าเจียงอยู่ที่นี่”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 13 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.