ปีนั้นคนผู้นี้เพิ่งอายุสิบห้าสิบหกกระมัง มิใช่พวกชั้นสามัญดังคาด
ครั้นคิดต่อไปถึงข่าวลือเหล่านั้น เฉียวเจายิ่งฉงนใจ
มิใช่พูดกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉือชั่นกับองค์หญิงใหญ่ฉางหรงสองคนแม่ลูกมึนตึงกันหรือ ไฉนเขาต้องทุ่มเทความคิดจิตใจถึงเพียงนี้เพราะว่ามารดาชมชอบภาพวาดภาพหนึ่ง
ขณะเฉียวเจานิ่งตรึกตรองโดยไม่รู้ตัว เห็นหยางโฮ่วเฉิงตบหน้าผากตนเองพร้อมพูดเสียงดัง “ข้านึกขึ้นได้แล้ว ท่านพ่อข้ามีภาพวาดของอาจารย์เฉียวเก็บสะสมไว้ภาพหนึ่ง เป็นของพระราชทานจากไทเฮาเมื่อครั้งวัยหนุ่ม”
หยางโฮ่วเฉิงเป็นซื่อจื่อของหลิวซิ่งโหว ส่วนจวนหลิวซิ่งโหวเป็นสกุลเดิมของหยางไทเฮา นับตามลำดับศักดิ์แล้วเขาสมควรเรียกขานไทเฮาว่าท่านย่าใหญ่ด้วยซ้ำไป
ฉือชั่นชายตามองหยางโฮ่วเฉิง พูดด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เพิ่งนึกขึ้นได้หรือ”
หยางโฮ่วเฉิงเกาท้ายทอย “ก็ข้าคิดว่าถ้าขอลอกแบบภาพจากใต้เท้าเฉียวได้แล้วก็ไม่ต้องยุ่งกับของของท่านพ่อข้ามิใช่หรือ นั่นน่ะเป็นของพระราชทานจากไทเฮาเชียวนะ ทั้งยังเป็นภาพวาดของอาจารย์เฉียว ท่านพ่อข้าหวงแหนยิ่งนัก ถ้ารู้ว่าถูกข้าขโมยไป ต้องหักขาข้าแน่…”
“แต่ว่าใต้เท้าเฉียวไม่เชี่ยวชาญการวาดภาพ” เฉียวเจาสอดปากขึ้นอย่างทนไม่ไหวในที่สุด เป็นเหตุให้ทั้งสามคนหันสายตามามองทันควัน
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” ฉือชั่นไม่ชอบใจที่นางพูดแทรก เขาเอ่ยถามอย่างรำคาญ
เด็กสาวเบิกตากว้างเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจังอย่างมาก “ข้าชื่นชมเลื่อมใสอาจารย์เฉียวน่ะสิเจ้าคะ ข้าลอกแบบภาพวาดของท่านเสมอ อีกทั้งยังติดตามเรื่องเล่าขานต่างๆ ของท่าน แต่ไม่มีเรื่องที่ใต้เท้าเฉียวเชี่ยวชาญการวาดภาพเล่าลือมาเลยสักนิด”
สิ้นเสียงนาง ทั้งสามคนอดมองหน้ากันไปมาไม่ได้
ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้จริงๆ ใต้เท้าเฉียวเป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวงหลายปี ไม่เคยมีภาพวาดเผยแพร่ออกมา พวกเขาแค่คิดว่าใต้เท้าเฉียวเป็นบุตรชายของอาจารย์เฉียว ย่อมเชี่ยวชาญการวาดภาพแน่นอน กลับกลายเป็นว่าผู้เดินหมากอ่านสถานการณ์ไม่ทะลุปรุโปร่ง
“ข้าขอดูภาพที่ถูกทำลายไปภาพนั้นได้หรือไม่เจ้าคะ” เฉียวเจาถาม
ฉือชั่นมองจูเยี่ยนแวบหนึ่ง เขาเป็นคนขอภาพวาดนั่นไปให้มารดาเมื่อสามปีที่แล้ว ครั้นสหายรักอยากเห็น เขาจึงหยิบออกมา พอภาพวาดเสียหายก็หมดราคาไปเป็นธรรมดา
จูเยี่ยนหัวเราะฝืดๆ แล้วเดินเข้าไปที่ห้องในตัวเรือ ไม่นานนักก็ย้อนกลับมา พร้อมกับกล่องยาวๆ ใบหนึ่งติดมือมาด้วย
มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นคนทะนุถนอมภาพวาด หลังเปิดกล่องออก เขาเอาผ้าขาวสะอาดรองมือตอนหยิบมันออกมา จากนั้นก็คลี่กางออกตรงหน้าเฉียวเจาอย่างระมัดระวัง
บึงน้ำสีเขียวมรกตใต้แสงสนธยาครองพื้นที่ภาพฝั่งหนึ่ง มีสะพานเล็กๆ ตั้งเด่นเคียงคู่กับเงาสะท้อนของมันในน้ำ รวมถึงเป็ดเจ็ดแปดตัวที่สมจริงดุจมีชีวิตราวกับว่าหากมันตีปีกก็จะแหวกว่ายออกมาจากภาพได้ เพียงน่าเสียดายที่คราบหมึกวงหนึ่งเปรอะเปื้อนบนภาพ
ประกายตาของเฉียวเจาเข้มขึ้น
เป็นภาพวาดที่ท่านปู่มอบให้ฉือชั่นดังคาด
ท่านปู่สมัยวัยหนุ่มสร้างชื่อจากการวาดภาพเป็ด เพราะพวกเด็กๆ มักถูกใจภาพเป็ด ตอนนางเริ่มต้นเรียน ภาพที่วาดได้ดีที่สุดก็คือภาพนี้
เมื่อเฉียวเจามั่นใจแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ภาพนี้ข้าวาดเป็น”
เชิงอรรถ
* จินหลิน หมายถึงเกล็ดแพร
** ไห่ถัง หรือ Chinese Flowering Apple เป็นพืชตระกูลแอปเปิ้ล ดอกมีทั้งสีขาว สีชมพูอ่อน และสีแดง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 13 มิ.ย. 65 เวลา 12.00 น