บทที่ 753
ในกลุ่มนายหญิงตราตั้งเกิดเสียงฮือฮาเบาๆ ระลอกหนึ่ง
เชื้อพระวงศ์อย่างองค์หญิงใหญ่ฉางหรงจะถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าก่อนใครก็ช่างเถิด แต่คนที่ได้เข้าเฝ้าลำดับต่อมาเป็นฮูหยินของกวนจวินโหวได้อย่างไร
ทุกคนชำเลืองมองไปทางพวกฮูหยินของท่านกั๋วกงอย่างช่วยไม่ได้
เรื่องนี้ชักน่าสนุกแล้วสิ ที่ผ่านมาไทเฮาให้องค์หญิงใหญ่ฉางหรงกับชายาอ๋องเข้าเฝ้า จากนั้นแล้วจะเรียกตัวฮูหยินของท่านกั๋วกงเข้าเฝ้าต่อทันที
อย่าลืมว่าก่อนจะถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าพวกนางต้องรออยู่ในโถงตำหนักกันหมด คนที่ยิ่งอยู่ด้านหลังของแถวก็ยิ่งรอนาน อีกทั้งเป็นไปไม่ได้ที่ไทเฮาจะให้เข้าเฝ้าทุกคน ส่วนใหญ่มักรอเก้ออยู่หนึ่งถึงสองชั่วยามแล้วออกจากวังหลวงกลับไปเลย
ท่ามกลางสายตาที่ฉายแววความรู้สึกต่างๆ กันไปของผู้คน สีหน้าเหล่าฮูหยินของท่านกั๋วกงเริ่มเปลี่ยนไปและแฝงนัยบางอย่าง
“หลีฮูหยิน เชิญเถอะ” ไหลสี่ส่งเสียงเรียกคำหนึ่ง
เฉียวเจาพยักหน้าแล้วเดินตามไหลสี่เข้าไปในด้านใน นางลอบทอดถอนใจ
ไทเฮาต้องไม่ชมชอบนางอย่างที่สุดเป็นแน่ถึงผลักนางลงกองไฟเช่นนี้ เพียงสลับลำดับการเข้าเฝ้าเล็กน้อยนางก็ล่วงเกินฮูหยินของท่านกั๋วกงไปแล้วโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
ภายในตำหนักด้านในจุดเครื่องหอมไว้ เฉียวเจาเดินผ่านม่านกั้นผ้าโปร่งบางซ้อนกันหลายชั้นก็เห็นไทเฮานั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนแท่นประทับพร้อมถือถ้วยน้ำชาดื่มอยู่ คนที่นั่งถัดลงมาทางซ้ายคือองค์หญิงใหญ่ฉางหรง ส่วนทางขวาคือมู่หวังเฟย นอกจากสองคนนี้ยังมีสตรีออกเรือนแล้ววัยราวสามสิบนางหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็กอย่างพินอบพิเทา
เฉียวเจาอดมองสตรีนางนั้นซ้ำอีกครามิได้
นางมุ่นผมเป็นมวยกลมอย่างสุภาพเรียบร้อย รูปโฉมงามแฉล้ม กิริยาท่าทางนุ่มนวล สีหน้าแววตาอ่อนน้อมถ่อมตน พอเห็นเฉียวเจาเข้ามาดวงตาของนางก็ทอแวววาดหวังแกมตื่นเต้นผิดแผกจากสายตาพินิจของหยางไทเฮา
ถึงแม้ประกายความหวังนั้นจะผุดขึ้นเพียงวูบเดียวก็เลือนหายไป แต่เฉียวเจายังจับสังเกตได้ทัน
นางจดจำสตรีนางนี้ได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาอนุมากมายของรุ่ยอ๋อง
ตอนนางตรวจชีพจรให้อนุของรุ่ยอ๋อง สตรีผู้นี้ยืนอยู่หัวแถวของเหล่าอนุมากหน้าหลายตากลุ่มนั้น น่าเสียดายที่ตรวจแล้วไม่ได้ตั้งครรภ์
นี่หาใช่เรื่องแปลก ดูจากท่าทางมุ่งมั่นอยากมีทายาทอย่างแรงกล้าของรุ่ยอ๋องแล้วจะต้องนอนค้างคืนอยู่ในห้องอนุวัยเยาว์มีบุตรได้ง่ายมากกว่า แต่อายุของสตรีตรงหน้าผู้นี้ไม่มีโอกาสมากสักเท่าไรอย่างเห็นได้ชัด
เฉียวเจาคาดคะเนว่าสตรีนางนี้น่าจะเป็นอนุที่ดูแลการงานในเรือนหลังของวังอ๋องหลังจากชายาของรุ่ยอ๋องล่วงลับไป ด้วยเหตุนี้ถึงมีโอกาสได้เข้าเฝ้าไทเฮา
ในเวลานี้หยางไทเฮากำลังพูดคุยกับสตรีนางนั้น “เจ้าก็รู้ว่าทายาทของวังอ๋องล้ำค่าปานใด ตอนนี้มีอนุสามคนในวังอ๋องใกล้คลอดแล้ว เจ้าต้องดูแลพวกนางให้ดีๆ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นข้าจะเอาผิดกับเจ้าคนเดียว”
นางก้มหน้าหลุบตา กล่าวขึ้นทันทีว่า “โปรดวางพระทัย หม่อมฉันจะคอยดูแลพวกน้องสาวเป็นอย่างดีเพคะ”
หยางไทเฮาถึงพยักหน้าแล้วมองไปทางเฉียวเจาที่เดินเข้ามา
นางถวายคำนับต่อไทเฮา “เนื่องในโอกาสวันตรุษนี้หม่อมฉันขอถวายพระพรต่อองค์ไทเฮาเพคะ”
หยางไทเฮามองสตรีในเครื่องแต่งกายเต็มยศที่คุกเข่าอยู่บนพื้นนิ่งๆ อึดใจหนึ่งถึงกล่าวด้วยรอยยิ้มเรียบเรื่อย “ลุกขึ้นเถอะ”
เฉียวเจายังแสดงคารวะต่อมู่หวังเฟยและองค์หญิงใหญ่ฉางหรง
มู่หวังเฟยแย้มปากยิ้มพลางพูด “ตอนข้าได้พบกับฮูหยินของกวนจวินโหวในงานเลี้ยงฉลองวันฤดูใบไม้ผลิก็รู้สึกแล้วว่าสตรีน้อยที่โฉมงามมากความสามารถเยี่ยงนี้ สอดส่ายสายตาไปทั่วหล้าก็หาไม่พบเป็นคนที่สองแล้ว”
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงกล่าวต่อเสียงเรียบ “นั่นสิ ฮูหยินของท่านกั๋วกงที่อายุน้อยเพียงนี้ ข้าเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก”
หากหยางไทเฮาไม่ชมชอบเฉียวเจาอยู่เจ็ดส่วน เช่นนั้นองค์หญิงใหญ่ฉางหรงก็ไม่ชมชอบนางเต็มสิบส่วนแล้ว
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงชิงชังนางจิ้งจอกที่ยั่วยวนให้บุรุษลุ่มหลงมัวเมาเป็นที่สุด แล้วสตรีอ่อนเยาว์เบื้องหน้าผู้นี้เคยหว่านเสน่ห์ให้บุตรชายนางติดใจ แต่สุดท้ายกลับก้าวข้ามขั้นไปเป็นภรรยาของกวนจวินโหว ถ้าบอกว่าไม่มีเล่ห์กลซ่อนอยู่เบื้องหลังคงจะน่าแปลก
กวนจวินโหวกับชั่นเอ๋อร์เป็นสหายรักกัน สตรีผู้หนึ่งอย่างนางได้รู้จักกับกวนจวินโหวจะต้องอาศัยความช่วยเหลือจากบุตรชายนางเป็นแน่
ดีเหลือเกินนะ ทอดสะพานให้บุตรชายนางหลงรักก่อน ค่อยสานไมตรีกับกวนจวินโหวผ่านทางเขาอีกที นางเพิ่งเคยพบเจอหญิงสาวที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก
ชั้นเชิงเหนือกว่านางแพศยาที่รู้จักแต่ยั่วยวนสามีของนางผู้นั้นหลายขั้นนัก
หางคิ้วของเฉียวเจากระตุกเบาๆ ทีหนึ่ง
ถ้าบอกว่าถ้อยคำของมู่หวังเฟยเป็นการโอภาปราศรัยตามมารยาท คำกล่าวขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงก็แฝงนัยเหน็บแนมอย่างชัดเจนเหลือเกิน เฉียวเจาจะฟังไม่ออกได้เช่นไร
นางเหลือบมองใบหน้าขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงแวบเดียวแล้วเลื่อนสายตาลงไปมองบริเวณท้องของอีกฝ่ายอึดใจหนึ่ง จากนั้นดึงสายตากลับ
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงขมวดคิ้ว “เหตุใดหลีฮูหยินถึงมองข้าเช่นนี้”
เฉียวเจาคลี่ยิ้ม “หม่อมฉันขอถวายความยินดีกับองค์หญิงเพคะ”
พิลึกคน!