บทที่ 754
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงได้ยินหยางไทเฮาออกคำสั่งให้ไหลสี่ไปตามแพทย์หลวงก็ย่นหัวคิ้วเข้าหากันเบาๆ “เสด็จแม่ทรงไม่สบายพระวรกายหรือเพคะ”
เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ปกติจะไม่หาหมอกันในวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง
หยางไทเฮามองนางด้วยแววตาแฝงนัย “ข้าสบายดี”
“แล้วเสด็จแม่ทรงตามหมอหลวงมาด้วยเหตุใดเพคะ”
“ตามมาตรวจเจ้าน่ะสิ”
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงทำสีหน้าแปลกใจ “ตรวจหม่อมฉัน? หม่อมฉันไม่ได้ไม่สบายตรงที่ใดนะเพคะ”
“กันไว้ดีกว่าแก้ ตรวจดูสักหน่อยเถอะ” หยางไทเฮาคิดบางอย่างอยู่ในใจแต่ไม่อยากพูดมากเลยหลับตาลง
“เสด็จแม่ทรงหมายความว่าอะไรกันแน่เพคะ” นับแต่พระสวามีสร้างบาดแผลไว้ในใจ นิสัยขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนขวางโลก กระทั่งอยู่เบื้องหน้าไทเฮาที่ใครๆ ล้วนยำเกรง นางก็ทำตามความพอใจเช่นเดียวกับเวลาอยู่ในวังของตนเอง
นางเป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียวของหยางไทเฮา ได้รับความโปรดปรานตามใจทุกอย่างตั้งแต่วัยเยาว์
หยางไทเฮาลืมตาขึ้น ก่อนกล่าวเสียงเนิบนาบว่า “เมื่อครู่นี้หลีซื่อมองเจ้าด้วยสายตาแปลกๆ”
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงนิ่งขึงไปเล็กน้อย ถึงกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ “เสด็จแม่ทรงวิตกเกินไปแล้วกระมังเพคะ นางก็แค่ฟังออกว่าถูกหม่อมฉันพูดเสียดสี นางยังอายุน้อยเลือดร้อนก็เลยไม่ยอมจำนนเท่านั้นเอง”
“แต่ถ้อยคำที่นางเอ่ยกับเจ้าก็แปลกๆ อยู่บ้าง”
“นางพูดอะไรหรือเพคะ” องค์หญิงใหญ่ฉางหรงนิ่งทบทวนความจำครู่หนึ่ง “นางเพียงกล่าวคารวะทักทายและอวยพรวันตรุษกับหม่อมฉัน มิได้พูดอะไรเป็นพิเศษ ก็เช่นเดียวกับที่พูดกับเสด็จแม่มิใช่หรือเพคะ”
หยางไทเฮาส่ายหน้า “ไม่เหมือนกัน เจ้าคิดทบทวนถ้อยคำของนางให้ดีๆ”
“นางทูลต่อเสด็จแม่ว่า ‘หม่อมฉันขอถวายพระพร’ ต่อองค์ไทเฮา แล้วก็กล่าวประโยคนี้กับหม่อมฉันเช่นกันเพคะ” องค์หญิงใหญ่ฉางหรงยิ่งรู้สึกว่าพระมารดาเป็นกระต่ายตื่นตูมเกินไปแล้ว
“ไม่เหมือนกัน นางพูดกับข้าว่าขอถวายพระพร แต่พูดกับเจ้าว่าขอถวายความยินดี”
“นี่มีอันใดต่างกันหรือเพคะ” องค์หญิงใหญ่ฉางหรงย้อนถามโดยไม่ทันคิด แต่จู่ๆ นางก็นึกไปถึงสายตาของเฉียวเจาซึ่งมองที่ท้องของตนแล้วอดสะดุ้งโหยงในใจไม่ได้ จึงพาให้หน้าเปลี่ยนสีไปถนัดตา
จังหวะนี้เองเสียงของไหลสี่ดังลอยมา “ไทเฮา แพทย์หลวงหยางมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เรียกเขาเข้ามา”
แพทย์หลวงวัยชราผมสีดอกเลาผู้หนึ่งหิ้วหีบยาย่างเท้าเข้ามาอย่างว่องไว เขาก้าวเข้าประตูก็กล่าวคำอวยพรวันตรุษต่อหยางไทเฮาและองค์หญิงใหญ่ฉางหรงทันที
“เนื่องในโอกาสวันตรุษกระหม่อมขอถวายพระพรแด่องค์ไทเฮา ขอถวายพระพรแด่องค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
แพทย์หลวงหยางเป็นคนสกุลเดิมของหยางไทเฮา จึงได้รับความไว้วางใจจากนางเป็นอันมาก
หยางไทเฮาได้ยินคำอวยพรแล้วชักปวดขมับตุบๆ “แพทย์หลวงจับชีพจรให้องค์หญิงใหญ่ที”
พอได้รับคำสั่งให้ตรวจชีพจรให้องค์หญิงใหญ่ในวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง แพทย์หลวงหยางไม่ถามมากความอย่างรู้กาลเทศะ เดินไปตรงหน้าองค์หญิงใหญ่ฉางหรงพลางกล่าวขออนุญาตคำหนึ่งก่อนเริ่มจับชีพจร
เมื่อตรวจลักษณะชีพจรออกแล้ว มือของแพทย์หลวงหยางกระตุกคราหนึ่ง
ในวันปีใหม่อย่างนี้มิใช่ล้อเล่นกระมัง ชีพจรขององค์หญิงใหญ่บ่งบอกว่าทรงตั้งพระครรภ์ชัดๆ
“ว่าอย่างไร” หยางไทเฮาจับสังเกตสีหน้าของแพทย์หลวงหยางอยู่ตลอด เห็นเขาทำหน้าเสียก็ใจคอไม่ดีอย่างช่วยมิได้
แพทย์หลวงมองหยางไทเฮาด้วยสีหน้าเครียดขรึม
“แพทย์หลวงบอกมาตามตรงได้เลย”
นอกจากหยางไทเฮากับองค์หญิงใหญ่ฉางหรงแล้วก็มีแต่ไหลสี่ที่รอรับใช้อยู่ภายในตำหนัก ซึ่งไหลสี่นั้นเป็นคนสนิทของไทเฮา
“ทูลไทเฮา องค์หญิงใหญ่ทรงตั้งพระครรภ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ” แพทย์หลวงหยางก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยศีรษะขึ้นดูสีหน้าของไทเฮา
ชั่วพริบตาที่ได้ยินผลการตรวจชีพจรองค์หญิงใหญ่ฉางหรงลุกพรวดขึ้นยืนกล่าวเสียงหลง “เป็นไปได้เช่นไร!”
สีหน้าของหยางไทเฮาก็มิได้ดีไปกว่ากันเท่าใด