เฉียวเจานั่งอยู่อย่างสุภาพเรียบร้อย ทว่ามุมปากยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
ท่านปู่เป็นคนอบรมสั่งสอนนางตั้งแต่เล็กจนโต แต่ขณะเดียวกันก็ได้ท่านย่าซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์บ่มเพาะขัดเกลา มาตรว่านางไม่แยแสธรรมเนียมพวกนั้น แต่ไม่มีทางให้ใครอ้างคำว่าไม่รู้ธรรมเนียมมาบีบเค้นนางได้
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนหลีฮูหยินไปที่นั่นสักครั้ง”
“ไทเฮาทรงมีพระประสงค์ให้หม่อมฉัน…”
สีหน้าของหยางไทเฮาฉายแววปึ่งชากะทันหัน “จะเก็บเด็กผู้นั้นไว้ไม่ได้เด็ดขาด แต่จะให้กระทบกระเทือนร่างกายของฉางหรงไม่ได้ด้วยเช่นกัน”
เฉียวเจาลอบขบขัน เรียกร้องมากถึงเพียงนี้ เห็นข้าเป็นเทพเซียนบนสวรรค์หรืออย่างไร
“หม่อมฉันขอไปตรวจพระอาการก่อนเพคะ”
“ไหลสี่ ไปที่วังองค์หญิงใหญ่เป็นเพื่อนฮูหยินท่านโหว”
เฉียวเจากล่าวอำลาหยางไทเฮาแล้วไปที่วังองค์หญิงใหญ่ฉางหรงพร้อมกับไหลสี่ทันที
สิงโตหินหน้าประตูวังผ่านการชำระล้างด้วยฝนกับหิมะมาติดๆ กันหลายวันจนดูเปล่งประกายสดใสเป็นพิเศษ แผ่นหลังผอมบางของคนผู้หนึ่งกำลังเกาะตัวสิงโตอาเจียนไม่หยุด
เถาเซิงที่อยู่ด้านข้างลนลานทำอะไรไม่ถูก “คุณชาย เราเข้าไปอาเจียนด้านในเถอะ ท่านอาเจียนรดใส่หน้าสิงโตแล้วขอรับ”
“ชิ้วๆ ไปไกลๆ ข้ามิได้อาเจียนใส่หน้าเจ้าสักหน่อย” ฉือชั่นไล่เด็กรับใช้เหมือนเป็นแมลงวัน จากนั้นอ้าปากอาเจียนลมต่อแต่ไม่มีแม้แต่น้ำย่อยในท้องออกมาแล้ว
“คุณชาย ฮูหยินของท่านโหวมาขอรับ”
“ฮูหยินท่านโหวอะไรกัน เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย”
“โธ่ คุณชาย ก็ฮูหยินของกวนจวินโหว คุณหนูหลีซานขอรับ” เถาเซิงเน้นเสียงหนักอย่างห้ามไม่อยู่
แม้ว่าคุณชายของเขาจะตัดใจได้อย่างเด็ดขาดหลังคุณหนูหลีซานกับกวนจวินโหวเป็นคู่รักกัน แต่ในฐานะบุรุษเหมือนกันเขารู้ดีว่ายามอยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่เคยชมชอบ ยังต้องรักษาภาพของตนเองในสายตาอีกฝ่ายไว้เล็กๆ น้อยๆ
“หลีซาน…” ฉือชั่นได้ยินสองพยางค์นี้แล้วยืดตัวตรง หันหน้าไปก็ประสานสายตากับเฉียวเจาที่เพิ่งลงจากรถม้า
นางผงกศีรษะกับเขาแต่ไกลเป็นเชิงทักทาย
“ฮูหยินท่านโหว ไทเฮาร้อนพระทัยเรื่องขององค์หญิงใหญ่อยู่ตลอด ยังทรงรอข้ากลับไปรายงานอยู่ ท่านโปรดเข้าไปดูองค์หญิงใหญ่โดยไวเถอะขอรับ” ไหลสี่กล่าวเร่ง
เฉียวเจาดึงสายตาคืนมาแล้วเดินตามไหลสี่ไปที่ประตูข้าง
ฉือชั่นกลอกตาไปหยุดอยู่ที่ตัวไหลสี่ แววเลื่อนลอยในดวงตาที่ฉ่ำปรือแต่เดิมหายวับไป เริ่มมีประกายมากขึ้นหลายส่วน
ชายหนุ่มสาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้าไปหาพวกเฉียวเจา
“คุณชาย อย่างน้อยก็เช็ดปากสักหน่อยสิขอรับ” เถาเซิงกลัวเขาจะหกล้ม รีบไล่กวดตามไปยื่นผ้าเช็ดหน้าอยู่เบื้องหน้าฉือชั่น
เขารับมาเช็ดลวกๆ แล้วโยนทิ้งลงพื้นไปเลย จากนั้นเร่งฝีเท้าเดินไปขวางหน้าเฉียวเจากับไหลสี่
“คุณชายฉือ…”
ฉือชั่นดันตัวไหลสี่ออกไปอีกทาง “ข้าไม่มีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
ไหลสี่โดนผลักจนเซถลา เขายังไม่ทันได้อ้าปากพูดก็เห็นฉือชั่นฉุดเฉียวเจาออกเดินไปแล้ว
“นี่มันอะไรกัน” ไหลสี่ก้าวขาจะตามไป แต่ถูกเถาเซิงขัดขวางไว้
“ไหลสี่กงกง ให้คุณชายข้าสนทนากับฮูหยินของกวนจวินโหวสองสามคำ จิตใจของคุณชายเป็นทุกข์อยู่ขอรับ”
“แต่ว่า…” ไหลสี่ฉุกใจได้ทันควัน “คุณชายฉือรู้แล้วหรือ”
“เอ่อ…ทราบแล้วขอรับ”
“เจ้าก็รู้เช่นกันหรือ”
เถาเซิงหัวเราะแห้ง “แหะๆ” คุณชายของข้าโมโหเจียนตายอยู่แล้ว ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร
ไหลสี่ถอนใจเฮือก ช่างเถิด แค่สนทนาสองสามคำก็สองสามคำ อย่างไรคุณชายฉือคงลงไม้ลงมือกับฮูหยินของกวนจวินโหวไม่ได้กระมัง