พอตัวของฉือชั่นโงนเงนไปมา เถาเซิงรีบประคองเขาไว้ “คุณชาย ระวังสะดุดขอรับ”
ตงอวี๋มองนายบ่าวสองคนห่างไปไกลแล้วถึงเข้าไปในเรือนอย่างวางใจ
“คิดไม่ถึงว่าเสด็จแม่จะส่งเจ้ามา” องค์หญิงใหญ่ฉางหรงเอนกายนอนอยู่บนตั่งคนงาม ทั้งที่อากาศหนาวจนน้ำไหลหยดเป็นน้ำแข็ง แต่ในห้องกลับอบอุ่นดุจฤดูใบไม้ผลิ นางสวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีแดงอ่อนตัวเดียวอวดเรือนร่างอวบอิ่มเย้ายวนใจ
ชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ตรงข้างกายบีบนวดน่องให้นาง
“ไทเฮาให้ข้ามาตรวจพระอาการเพคะ”
“ตรวจสิ” องค์หญิงใหญ่ฉางหรงเหยียดแขนออกไปอย่างเกียจคร้าน ข้อมือขาวเนียนละเอียดไม่คล้ายสตรีออกเรือนแล้วในวัยนี้ สายตาที่มองไปทางเฉียวเจาของนางฉายรอยเย้ยหยันอย่างชัดเจน
เฉียวเจาเห็นอยู่กับตา นางอดนึกขันไม่ได้
อิทธิพลของบิดามารดามักจะถ่ายทอดซึมซาบสู่บุตรโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่อให้ฉือชั่นตัดพ้อต่อว่าองค์หญิงใหญ่ฉางหรงอย่างไร ทว่าในบางเสี้ยวขณะสีหน้าแววตาของสองแม่ลูกคู่นี้กลับเหมือนกันไม่มีผิด
เฉียวเจายื่นมือจับชีพจรของนางเป็นเวลาราวครึ่งถ้วยชาแล้วดึงมือคืน
“เป็นอย่างไรหรือ” น้ำเสียงขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงแฝงรอยล้อเลียนมากขึ้นทุกที
สายตาของเฉียวเจามองไปที่บุรุษซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงทำเสียงฮึเบาๆ “เขาไม่กล้าเอาไปพูดข้างนอกหรอก”
คนที่กล้าขัดใจนางโดนฆ่าตายไปนานแล้ว
ชายหนุ่มก้มหน้าต่ำลงอีก
“ปกติสตรีที่อายุมากกว่าสามสิบห้าปีตั้งครรภ์ก็เป็นอันตรายอยู่แล้ว อีกทั้งพระวรกายเคยได้รับความกระทบกระเทือนมาก่อน พระครรภ์นี้จึงมีอันตรายยิ่งขึ้น หากเสี่ยงขับเด็กออกเกรงว่าจะเป็นภัยถึงชีวิตเพคะ”
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงหัวร่อเบาๆ “คำพูดของเจ้าแตกต่างอันใดกับแพทย์หลวงเล่า”
เฉียวเจาคลี่ยิ้ม “เพคะ เพราะนี่คือลักษณะชีพจรขององค์หญิง ผู้ใดตรวจล้วนต้องกล่าวเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้หม่อมฉันไม่กล้าสั่งยาสุ่มสี่สุ่มห้าเหมือนกับแพทย์หลวงเพคะ”
ไทเฮาให้นางมาตรวจอาการนางย่อมปฏิเสธไม่ได้แน่นอน แต่ไม่มีผู้ใดกำหนดไว้ว่านางต้องรักษาให้หายดีได้ทุกโรคนี่
มิใช่ว่าไม่ยอมทำ แต่ทำไม่ได้ ถึงเป็นไทเฮาผู้ทรงอำนาจราชศักดิ์ของราชวงศ์นี้จะว่าอะไรนางได้เล่า
อีกอย่างบัดนี้นางไม่ใช่บุตรสาวของอาลักษณ์เล็กๆ ที่ต่ำต้อยเฉกมดปลวก แต่เป็นภรรยาของกวนจวินโหว ตราบเท่าที่นางแสดงท่าทีให้เกียรติไทเฮาอย่างเต็มที่ ในเมื่อนางสุดปัญญาแล้ว หรือไทเฮาจะบีบบังคับนางอย่างนั้นหรือ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้ากลับไปเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว”
เฉียวเจามององค์หญิงใหญ่ฉางหรงอย่างพินิจปราดหนึ่งถึงลุกขึ้นกล่าวอำลา ระหว่างที่เดินกลับไปนางกลับอดตรึกตรองอยู่ในใจไม่ได้
ตอนนางบอกกับองค์หญิงใหญ่ฉางหรงว่าสุดปัญญาจะทำอะไรได้ ถึงกับรู้สึกว่าองค์หญิงดูโล่งอกในพริบตา นี่หมายความว่าจริงๆ แล้วองค์หญิงอยากเก็บบุตรผู้นี้ไว้หรือ
เมื่อคิดได้เช่นนี้เฉียวเจารู้สึกปลอดโปร่งใจขึ้นมากด้วยเหตุผลกลใดก็สุดรู้
“ท่านโหว…” จู่ๆ ไหลสี่ก็ส่งเสียงเรียกขึ้นส่งผลให้ความคิดของเฉียวเจาสะดุดลง
“ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” พอเห็นเซ่าหมิงยวน เฉียวเจาทำหน้าชื่นตาบานอย่างสุดระงับ
เขาจับมือนางต่อหน้าต่อตาไหลสี่ด้วยสีหน้าเป็นปกติ “รับเจ้ากลับเรือน”
“ข้ายังต้องกลับไปทูลรายงานไทเฮา”
เซ่าหมิงยวนยิ้มน้อยๆ ชำเลืองมองไหลสี่แวบหนึ่ง “เช่นนั้นข้ารอเจ้า”
ไหลสี่คิดในใจ กวนจวินโหวผู้ยิ่งใหญ่มีเวลาว่างถึงเพียงนี้เชียวหรือ เดือนหนึ่งไม่ออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้คน กลับรออยู่หน้าประตูวังรับภรรยากลับเรือน
เมื่อถึงตำหนักฉือหนิงไหลสี่ชิงบอกเรื่องนี้เอง หยางไทเฮาหันไปมองเฉียวเจาด้วยสีหน้าแววตาเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน
กวนจวินโหวให้ความสำคัญต่อภรรยาของตนมากกว่าที่นางคิดไว้
ครั้นได้ฟังผลการตรวจอาการขององค์หญิงใหญ่ ดวงตาของหยางไทเฮาทอแววผิดหวังระคนไม่ยอมจำนนอย่างเห็นได้ชัด นางเพ่งมองเฉียวเจาพลางกล่าว “หลีฮูหยินเป็นถึงลูกศิษย์ของหมอเทวดาหลี่…”
เฉียวเจายิ้มอย่างถ่อมตน “แม้นหม่อมฉันโชคดีได้รับการชี้แนะจากหมอเทวดา แต่เมื่อเทียบกับท่านผู้อาวุโสแล้ว หม่อมฉันเปรียบดั่งหิ่งห้อย มีหรือจะแข่งกับแสงจันทร์ได้เพคะ”
ต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่านางมิใช่หมอเทวดา แต่เป็นเพียง ‘ลูกศิษย์’ ของหมอเทวดา
วาจารัดกุมไร้ช่องโหว่ กิริยาท่าทางไม่โอหังไม่เจียมตนแต่ไม่ขาดความเคารพนอบน้อม ทั้งยังมีกวนจวินโหวนามกระเดื่องทั่วหล้ารอคอยอยู่ด้านนอก เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าไทเฮาจนใจอยู่มากเหมือนกัน ต่อให้นางทำใจยอมรับไม่ได้สักนิดก็จำต้องปล่อยเฉียวเจากลับไป
เมื่อเห็นเฉียวเจาออกจากประตูวัง เซ่าหมิงยวนเดินเข้าไปหา ทั้งสองสบตากันยิ้มๆ แล้วจูงมือกันขึ้นรถม้า
“ข้าดื่มสุรากับสือซีแล้วกลับไปก็ได้ยินว่าไทเฮาเรียกตัวเจ้าเข้าวัง พระองค์มิได้สร้างความลำบากใจให้เจ้ากระมัง”
ชายหนุ่มไม่เสียเวลาผลัดอาภรณ์ด้วยซ้ำ ภายในตัวรถม้าจึงมีกลิ่นสุราจางๆ ลอยอวลอยู่
“วางใจเถอะ ด้านวาจาคารม คนอื่นสร้างความลำบากใจให้ข้าไม่ได้ สำหรับเรื่องอื่นๆ ก็คงไม่มาสร้างความลำบากใจให้ข้าเช่นกัน”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 2 ธ.ค. 65 เวลา 12.00 น.