“คุณชาย แพทย์หลวงหยางมาอีกแล้วขอรับ” เถาเซิงได้รับคำสั่งจากฉือชั่นให้จับตาดูความเคลื่อนไหวด้านนอกไว้ตลอด พบว่าแพทย์หลวงหยางมาที่วังองค์หญิงใหญ่อีกคราหนึ่งก็รีบมารายงาน
ฉือชั่นได้ยินข่าวที่เถาเซิงนำมาบอกก็สร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง เขาย่นหัวคิ้วเข้าหากันพลางพูดพึมพำ “มาอีกแล้วหรือ”
ในเมื่อหลีซานกลับไปรายงานแล้ว ไทเฮาส่งแพทย์หลวงมาอีกครั้งเพื่อทำอะไร
“ไปดูกัน” ฉือชั่นก้าวขาเดินออกไป
ภายในห้องขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงแสนอบอุ่นสบายไปทั้งกาย แต่ยามที่เห็นยาต้มสีดำสนิทที่แพทย์หลวงหยางหยิบออกมาจากกล่องอาหาร นางกลับรู้สึกคล้ายตัวนางพลัดตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง
“นี่คืออะไร พูดสิ นี่คืออะไร!”
“องค์หญิง ทรงต้องควบคุมพระอารมณ์ให้สงบเยือกเย็นไว้…”
“สงบเยือกเย็นบ้าบออันใดกัน แพทย์หลวง เจ้าบอกข้ามานะว่านี่คืออะไรกันแน่”
แพทย์หลวงหยางไม่กล้าสบตานาง เขากล่าวเสียงอ้อมแอ้ม “ยาขับพระโลหิตพ่ะย่ะค่ะ”
นัยน์ตาขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงนิ่งขึงไป นางแค่นเสียงกล่าว “ไทเฮามีพระบัญชาให้เจ้านำมาหรือ”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นหรือข้าอยู่ดีไม่ว่าดีถึงเอายาขับโลหิตมาให้องค์หญิงใหญ่เล่า
เรื่องนี้เข้าตำราที่ว่าเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ หากองค์หญิงใหญ่ปลอดภัยดีจะต้องอาฆาตเขา วันหน้าอยากใช้เขาเป็นที่ระบายความโกรธ ไทเฮายังจะห้ามได้หรือไร แต่ถ้าองค์หญิงใหญ่มีอันเป็นไป เกรงว่าเขาต้องตายตกตามกัน…
แพทย์หลวงหยางยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าหมดทางรอดแล้ว
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงคว้าหมอนใกล้มือขว้างไปบนพื้นแล้วถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน
แพทย์หลวงหยางถือชามยาต้มไว้โดยไม่กล่าววาจาสักคำ
นี่คือองค์หญิงใหญ่ มิใช่นางกำนัลต่ำต้อยที่ใด เขาไม่กล้าใช้กำลังบังคับให้นางดื่มยา
“ไทเฮาตรัสว่าอย่างไร” องค์หญิงใหญ่ฉางหรงคล้ายสงบอกสงบใจลงได้ นางไต่ถามเสียงเย็นๆ
“ไทเฮาตรัสว่า…ต้องพยายามทำให้องค์หญิงทรงปลอดภัยอย่างสุดความสามารถ…” แพทย์หลวงหยางพูดตะกุกตะกัก
“สุดความสามารถ? ถ้าพยายามแล้วไม่สำเร็จเล่า” มือที่จับเสาเตียงไว้ขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงสั่นระริกไม่หยุด
เสด็จแม่ตามอกตามใจนางทุกอย่างมิใช่หรือ ตอนนี้กลับไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของนางเพราะไม่อยากให้เชื้อพระวงศ์ต้องอับอายขายหน้า
“องค์หญิง ทรงอย่าสร้างความลำบากใจให้กระหม่อมเลย…” แพทย์หลวงหยางยกแขนเสื้อเช็ดหน้าผาก
“ได้ ได้เลย ข้าไม่สร้างความลำบากใจให้เจ้า” องค์หญิงใหญ่ฉางหรงหัวเราะเศร้าๆ หยิบยาต้มในมือเขามาจ่อที่ริมฝีปาก
ประตูห้องถูกถีบเปิดผลัวะออก องค์หญิงใหญ่ฉางหรงที่หลับตาลงกำลังจะดื่มยาลืมตาพรึบ
ฉือชั่นก้าวปราดๆ เข้ามาปัดชามในมือมารดาจนยาต้มหกหมด
“ชั่นเอ๋อร์?!” องค์หญิงใหญ่ฉางหรงเปล่งเสียงเรียกอย่างงงงัน
เขามิได้มองนาง แต่หมุนกายไปจ้องมองแพทย์หลวงที่อ้าปากค้างไปแล้วด้วยสายตามึนตึง
แพทย์หลวงหยางรู้สึกเสียววาบๆ ที่ลำตัวท่อนล่าง พลันหนีบขาเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว
“กลับไปทูลไทเฮาว่าท่านแม่ข้าไม่ดื่มยานี้”
“ชั่นเอ๋อร์ ออกไปเสีย!”
ฉือชั่นเหลียวไปมองมารดาแวบหนึ่งก่อนจะสาวเท้าก้าวยาวๆ ออกไป
ยาต้มถูกปัดหกหมดแล้ว แพทย์หลวงหยางได้แต่ต้องกลับวังไปรายงานตัว
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงนั่งเหม่ออยู่บนเตียง บัดเดี๋ยวคิดถึงความแล้งน้ำใจของไทเฮา บัดเดี๋ยวคิดถึงตอนบุตรชายปัดชามใบนั้นจนยาต้มหกหมด ในใจนางปนเปไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกนานัปการ
ฉือชั่นออกมาแล้วเอ่ยสั่งเถาเซิง “ไปหาพวกอันธพาลปากพล่อยมา บอกให้เอาเรื่ององค์หญิงใหญ่ทรงตั้งพระครรภ์ไปแพร่กระจายให้ทั่ว ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“คุณชาย คือว่า…”
“ให้เจ้าไปเจ้าก็ไปสิ ไม่ต้องพูดมาก”
ในเมื่อไทเฮาไม่คำนึงถึงชีวิตของท่านแม่เพื่อรักษาเกียรติยศไว้ เช่นนั้นเขาก็ถอนฟืนใต้กระทะเสียเลย รอเมื่อคนทั้งเมืองหลวงรู้กันหมดแล้วว่าองค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์ ไทเฮายังจะปิดปากคนทั้งแผ่นดินได้อีกหรือไม่
เกียรติยศ? หึๆ ตอนท่านแม่ชุบเลี้ยงชายบำเรอ ไทเฮาเลือกที่จะปิดตาข้างหนึ่ง บัดนี้ท่านแม่ตั้งครรภ์แล้วค่อยนึกขึ้นได้ว่าต้องรักษาเกียรติยศไว้ ไม่ติงว่าสายเกินไปแล้วหรือ
แพทย์หลวงหยางกลับไปรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หยางไทเฮาด่าทอฉือชั่นซ้ำๆ ว่า ‘เจ้าเด็กบัดซบ’ จากนั้นสั่งให้เขาต้มยาใหม่ แต่ไม่ทันส่งยาที่ต้มเสร็จแล้วไปที่วังองค์หญิงใหญ่เป็นครั้งที่สอง ข่าวซุบซิบที่ว่าองค์หญิงใหญ่ฉางหรงตั้งครรภ์ก็เล่าลือกันระเบ็งเซ็งแซ่ประหนึ่งติดปีก
แพทย์หลวงหยางได้ยินข่าวแล้วหิ้วหีบยากลับไปรายงานตัวที่วังหลวง
ไม่สำคัญว่าเป็นผู้ใดแพร่ข่าวนี้ออกไป ต้องขอบคุณฟ้าดินจริงๆ ที่เขาไม่ต้องขับเด็กในครรภ์องค์หญิงใหญ่ด้วยมือตนเองแล้ว
หยางไทเฮารู้เรื่องแล้วบันดาลโทสะยกใหญ่ นางโกรธจนแทบหัวใจวาย ส่งผลให้ในตำหนักฉือหนิงตกอยู่ในความโกลาหลระลอกหนึ่งทันควัน