ทดลองอ่าน หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม เล่ม 10 บทที่ 759-760 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม เล่ม 10 บทที่ 759-760

บทที่ 760

ในจวนกวนจวินโหวเซ่าหมิงยวนฟังรายงานจากองครักษ์แล้วอดหัวเราะไม่ได้ “สือซีทำอะไรมักเหนือความคาดหมายเสมอ”

เฉียวเจากลับไม่รู้สึกขบขันนัก นางส่ายหน้ากล่าวว่า “การขับเด็กในพระครรภ์องค์หญิงใหญ่ฉางหรงอาจมีภัยถึงชีวิต แต่ตั้งพระครรภ์ต่อไปก็อันตรายดุจเดียวกัน วันหน้าตอนคลอดจะเป็นด่านใหญ่อีกด่านหนึ่ง”

เซ่าหมิงยวนโอบตัวนางเข้ามาหา แล้วก้มหน้ากล่าวยิ้มๆ “ไม่ต้องคิดถึงคนอื่นแล้ว เจาเจา อีกสิบกว่าวันก็จะเป็นพิธีปักปิ่นของเจ้าแล้วนะ”

ตามธรรมเนียมพิธีปักปิ่นจะจัดขึ้นก่อนสตรีออกเรือน แต่เพราะเฉียวเจาแต่งงานแล้ว อันที่จริงพูดว่าพิธีปักปิ่นนี้คืองานฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบสิบห้าปีเต็มของนางจะเหมาะเจาะกว่า

พอถึงวันที่ยี่สิบห้าเดือนหนึ่งชาวชุมนุมฟู่ซานที่มีไมตรีกับเฉียวเจาไม่เลวเช่นสวี่จิงหงกับซูลั่วอีต่างมาร่วมงานตามคำเชิญ ส่วนทางสกุลหลีนั้นหลีเยียนกับหลีฉานมาไม่ได้เพราะการตายของหลีกวงซู ดังนั้นชาวสกุลหลีรุ่นเดียวกันที่มาได้จึงมีเพียงหลีฮุย ขณะที่เหอซื่อเดิมทีไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ กลับอุ้มฝูเกอเอ๋อร์มาฉลองวันเกิดให้บุตรสาวที่ออกเรือนแล้วอย่างปีติยินดี สร้างความอิจฉาให้หลีกวงเหวินยกใหญ่เพราะเหตุนี้

โถงรับแขกของจวนกวนจวินโหวกว้างขวางสว่างไสว วางฉากกั้นไม้จันทน์ภาพทิวทัศน์ธรรมชาติแบบแปดบานพับแบ่งพื้นที่รับรองแขกบุรุษกับแขกสตรีแยกกัน

ภายในโถงตั้งอ่างไฟที่จุดไฟลุกโชนห่างกันทุกๆ สองสามก้าว บนโต๊ะมีผลไม้สดวางเรียงรายจนเต็ม ทั้งยังตกแต่งด้วยดอกไม้สดที่บานสะพรั่งเต็มที่อีกหลายกระถาง

จูเหยียนปลิดองุ่นลูกหนึ่งใส่ปากกินแล้วถอนใจอย่างอิ่มเอม นางคุยกระซิบกระซาบกับซูลั่วอี “พี่สะใภ้ ท่านว่ากวนจวินโหวไปหาองุ่นพวกนี้มาจากที่ใดกัน”

ซูลั่วอีเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน เวลาอยู่ข้างนอกถูกจูเหยียนเรียกขานด้วยคำนี้ยังคงขัดเขินอยู่บ้าง นางหน้าแดงกล่าวว่า “ใครจะรู้เล่า ได้กินองุ่นในฤดูนี้หาได้ยากจริงๆ เห็นได้ว่าท่านโหวเอาใจใส่คุณหนูหลีมาก”

จูเหยียนหลุดหัวเราะพรืด “พี่สะใภ้ ท่านพูดอย่างนี้ พี่ห้าของข้าได้ยินคงเสียใจแย่ หรือว่าพี่ห้าไม่ดีกับท่าน”

“อย่าเหลวไหล” ซูลั่วอีตีจูเหยียนเบาๆ ทีหนึ่ง

สตรีสูงศักดิ์เฉกพวกนางเคยพบเห็นของดีๆ มามากมาย จูเหยียนจะกล่าวถึงองุ่นอย่างทึ่งๆ ก็ยังพอทำเนา แต่วันนี้กระทั่งสวี่จิงหงยังใจคอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว กวาดสายตาไปทางฉากกั้นอย่างห้ามไม่อยู่

นางรู้ว่าท่านปู่ตั้งใจจะยกนางให้คุณชายสกุลเฉียว แต่เมื่อคิดถึงว่าต้องแต่งงานใช้ชีวิตอยู่กับบุรุษแปลกหน้าผู้หนึ่ง นางก็บังเกิดความหวาดหวั่นพรั่นใจว่าเฉียวโม่เป็นคนอย่างไร

“พี่สวี่ ท่านไม่สบายหรือ” สุ้มเสียงอ่อนหวานของจูเหยียนดังลอยมา

สวี่จิงหงดึงความคิดคืนมา นางคลี่ยิ้มบางๆ “เปล่า”

“ข้านึกว่าท่านไม่สบายตรงที่ใดเสียอีก เมื่อครู่เรียกท่านตั้งสองครั้งเชียวนะ” จูเหยียนเอ่ยยิ้มๆ

“ข้าไม่ได้เป็นอะไร” สวี่จิงหงเป็นคนเย็นชา ถึงแม้จะมีความในใจมากมายก็ยังคงทำสีหน้าเป็นปกติดุจเดิม

ไม่นานนักเฉียวเจาก็ถือจอกสุรามากล่าวขอบคุณทุกคน

ในงานเลี้ยงเรียบง่ายทว่าไม่ขาดความประณีตพิถีพิถัน แขกเหรื่อและเจ้าภาพต่างกินดื่มสังสรรค์กันอย่างอิ่มหนำสำราญใจ หลังกินอาหารแล้วเฉียวเจาสั่งให้สาวใช้พาพวกซูลั่วอีไปชมดอกเหมยที่สวนดอกไม้ ส่วนตนเองอยู่เป็นเพื่อนมารดาพูดคุยเรื่องส่วนตัวกัน

ฝูเกอเอ๋อร์หลับไปแล้ว เหอซื่อบอกให้แม่นมคอยเฝ้าดูเขา นางลูบผมของเฉียวเจาอย่างรักใคร่เอ็นดู “เจาเจาของแม่อายุสิบห้าแล้ว เดิมทีควรจัดงานพิธีปักปิ่นอย่างเอิกเกริกใหญ่โต แต่ตอนนี้…”

เฉียวเจาคลายยิ้มเอ่ยตัดบท “ท่านแม่ ข้าได้เข้าพิธีมงคลอย่างยิ่งใหญ่มาแล้ว ไม่ได้จัดพิธีปักปิ่นก็ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ”

เหอซื่อคิดๆ แล้วจึงพยักหน้า “จริงของเจ้า สิ่งสำคัญคือท่านเขยดีต่อเจ้าก็พอแล้ว ข้าเห็นดอกไม้กับผลไม้สดใหม่ที่จัดเตรียมในวันนี้พวกนั้นก็รู้ว่าเขาเอาใจใส่เจ้ามาก”

นางกล่าวถึงตรงนี้แล้วตวัดสายตามองประตูแวบหนึ่งอย่างฉับไว ค่อยลดสุ้มเสียงลงกล่าวว่า “พวกเจ้ายังไม่…กระมัง”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉียวเจานิ่งค้างไป “ยัง…”

เหอซื่อตบมือบุตรสาวเบาๆ “ไม่ต้องกลัว ช้าเร็วก็ต้องผ่านด่านนี้ เจ้าจดจำที่แม่ทำเครื่องหมายไว้ให้เจ้าได้ก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว”

“แค่กๆๆ” เฉียวเจาไอออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีก

เมื่อส่งทุกคนกลับไปแล้ว ปิงลวี่เดินลิ่วๆ เข้ามาพูดซุบซิบด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ฮูหยิน วันนี้คุณหนูสวี่กับคุณชายเฉียวสนทนากันในสวนเหมยด้วยเจ้าค่ะ”

“คุยอะไรกันบ้าง” เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตในวันข้างหน้าของพี่ชายว่าจะสุขสมบูรณ์หรือไม่ พาให้เฉียวเจาบังเกิดความสนใจโดยพลัน

“ดูเหมือนคุณหนูสวี่จะเอื้อนกลอนวรรคหนึ่ง ส่วนคุณชายเฉียวต่อกลอนวรรคหนึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของต้นเหมยเจ้าค่ะ” ปิงลวี่กะพริบตาปริบๆ พลางปิดปากหัวเราะ “ว่าไปแล้วคุณชายเฉียวกับคุณหนูสวี่ไม่ได้เห็นหน้ากันด้วยซ้ำเจ้าค่ะ ผู้มีความรู้สูงก็ถือธรรมเนียมเคร่งครัดอย่างนี้เอง”

“ตอนหลังคุณหนูสวี่มีสีหน้าอย่างไร แล้วพี่ใหญ่ข้าทำหน้าอย่างไร”

“เอ่อ…ข้ารู้สึกว่าสีหน้าของพวกเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะเจ้าคะ ทั้งสองคนล้วนทำหน้าเฉยๆ อยู่ตลอด”

เฉียวเจานึกถึงพี่ชายแล้วค่อยนึกไปถึงสวี่จิงหงอีกที นางอดคลายยิ้มไม่ได้ เห็นว่าจะหวังให้คนสองคนที่เป็นเช่นนี้เผยความรู้สึกออกมาเป็นเรื่องลำบากอยู่บ้างจริงๆ

แต่ได้พูดคุยกันแสดงว่าทั้งสองต่างวาดหวังถึงชีวิตในอนาคตกระมัง

มีความวาดหวังย่อมเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com