บทที่ 761
เฉียวเจาพลันรู้สึกเนื้อตัวเย็นวาบ นัยน์ตาฉาบประกายน้ำฉ่ำๆ ของนางมองดูบุรุษที่หอบหายใจอย่างพยายามข่มกลั้นเต็มที่ด้วยความงุนงงอยู่หลายส่วน
เซ่าหมิงยวนดึงผ้าห่มแพรมาห่มร่างนาง บอกเสียงพร่าว่า “หรือไม่…รอไปอีกสักหน่อยเถอะ…”
นางก้มหน้ามองรอยแดงคล้ายกลีบดอกท้อที่ประทับติดอยู่ตามเนินอกและแขนของตนเองนับไม่ถ้วน ค่อยมองชายหนุ่มที่ไร้อาภรณ์บดบังเรือนกายบึกบึนไว้อีกคราแล้วอดหรี่ตาลงไม่ได้
มาถึงขั้นนี้แล้ว เขากลับพูดคำนี้กับข้าหรือ
“ข้าอยากรู้เหตุผล” เฉียวเจาลุกขึ้นนั่งปล่อยให้ผ้าห่มเลื่อนหลุดอวดหัวไหล่ขาวนวลเนียน
เซ่าหมิงยวนราวกับแตะโดนถ่านไฟ เขาเบนสายตาออกทันที ลมหายใจถี่รัวมากขึ้น
“หรือจะพูดว่าท่านมิได้มีความรักต่อข้าถึงเพียงนั้น…”
“ไม่ใช่นะ” เซ่าหมิงยวนโอบกอดนางไว้อย่างห้ามใจไม่อยู่แล้วห่มผ้าห่มให้
ชั่วขณะนี้อารมณ์รัญจวนใจยังวูบวาบอยู่ในกายไม่เลือนหายไป พอคนทั้งสองอิงแอบแนบชิดกันทำให้ความสามารถในการควบคุมตัวที่ชายหนุ่มภาคภูมิใจเสมอมาถึงกับเจียนแตกทลาย
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากสุดแรง สูดลมหายใจลึกๆ
“เพราะอะไรกันแน่” เฉียวเจาถามคาดคั้น
“ข้า…” เซ่าหมิงยวนละล้าละลังเล็กน้อย แต่พอสังเกตเห็นแววน้อยใจในดวงตานาง เขาถึงบอกเหตุผลออกมา “ทันทีที่ข้าคิดถึงคำกล่าวของท่านหมอเทวดาก็ทำต่อไม่ได้แล้ว”
หลังจากหมอเทวดาหลี่พูดเช่นนั้นไว้ก่อนหน้านี้ ไหนเลยเขาจะกล้าเสี่ยงที่จะสูญเสียนางเพราะกระหายในความสุขชั่วครู่ชั่วยาม สิ่งที่เขาปรารถนาคือทั้งสองได้อยู่ครองคู่กันไปอย่างยืนยาวจนผมเผ้าหงอกขาว มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง
“ท่านปู่หลี่บอกอะไรท่าน”
“ท่านบอกว่าก่อนเจ้าย่างวัยสิบแปดเต็มจะตั้งครรภ์ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต” เซ่าหมิงยวนยิ่งพูดยิ่งกระวนกระวายใจ อารมณ์ปรารถนาพวกนั้นมลายหายไปทันใด กระทั่งร่างกายที่ร้อนรุ่มก็เย็นเยือกลง
เฉียวเจาชำเลืองมองชายหนุ่มที่ย่นหัวคิ้วเล็กน้อย นางถามยิ้มๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านจะรอจนข้าอายุสิบแปดหรือ”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าอย่างอิดเอื้อน ถึงแม้เขาไม่มั่นใจว่าจะอดทนจนถึงตอนนั้นได้หรือไม่ แต่เขาจะพยายามเต็มที่
อืม…หรือว่าวันพรุ่งนี้เริ่มไปนอนที่ห้องหนังสือเลยก็แล้วกัน
นางเลิกคิ้วสูง “เป็นอะไร ท่านคงไม่ได้ตั้งใจว่าวันหน้าจะนอนที่ห้องหนังสือกระมัง”
ครั้นถูกนางเดาใจได้ เขาก็นิ่งเป็นเบื้อใบ้ ทำได้เพียงยิ้มแหยๆ กับสตรีในดวงใจ
เฉียวเจาเม้มปากแล้วจู่ๆ ก็โยนผ้าห่มไปด้านข้าง ก่อนยื่นสองแขนไปโอบรอบคอเขา
เซ่าหมิงยวนตัวแข็งทื่อฉับพลัน เขาส่งเสียงเรียกอย่างข่มอารมณ์ “เจาเจา?”
นางอมยิ้มละไม “คนโง่ ขืนรออีกสามปีท่านก็ชราแล้ว”
กลิ่นอายหอมหวานของหญิงสาวกำจายมาประหนึ่งสุราเก่าแก่ที่ทำให้คนเมามายทั้งกายใจ บนหน้าผากของเซ่าหมิงยวนมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพราย ส่วนหนึ่งของร่างกายตื่นตัวจนเขาปวดหนึบๆ
“เจาเจา เจ้า…อย่าทำอย่างนี้…”
เฉียวเจากลับขึ้นไปนั่งลงบนตัวเขาเสียเลย นางเอ่ยถามพร้อมลมหายใจหอมรวยรินพ่นรดใส่ชายหนุ่ม “อย่าทำอย่างใดหรือ”
เขาเต็มใจรอแต่นางไม่อยากรออีกต่อไป นางไม่อยากให้ทั้งคู่ใช้ชีวิตแต่งงานที่ได้มาอย่างไม่ง่ายดายไปกับการรอคอย และไม่อยากให้วันใดมีพระราชโองการมาถึงแล้วเขาต้องไปออกศึกอีกโดยที่เขากับนางยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริง
ชีวิตคนเราผันแปรไม่แน่นอนเกินไป นางอยากคว้าความสุขที่อยู่ตรงหน้า
“เจาเจา…” เซ่าหมิงยวนเริ่มแตกตื่นเมื่อรับรู้ได้ว่าความสามารถในการควบคุมตนเองกำลังจะหมดสิ้นลง เขาอาจจะทาบทับคนในอ้อมอกไว้ใต้ร่าง ครอบครองนางตามใจปรารถนาโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นได้ทุกเมื่อ
กลีบปากนุ่มนิ่มประทับลงมา สุ้มเสียงอ่อนหวานออดอ้อน “ข้าก็อยู่นี่ เรียกข้าด้วยเหตุใดกัน…”
“เจาเจา เจ้าอย่า…” เซ่าหมิงยวนพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย ทว่าฝ่ามืออ่อนนุ่มคู่นั้นกลับออกแรงผลักเขานอนลงแนบสนิทกับเตียง ผ้าปูเตียงหนานุ่มยุบยวบลงในพริบตา
“ถิงเฉวียน…”
“หือ?”
“ท่านแม่สอนข้าแล้ว จากนั้นค่อยกินอาหารผสมสมุนไพรบางอย่างประกอบกัน ไม่เป็นไร…”