พวกสตรีล้วนเป็นเยี่ยงนี้ ตั้งแต่สามขวบจนอายุแปดสิบ ละโมบ ฟุ้งเฟ้อ ยโสโอหัง ไม่รู้จักตนเองดี…
ในหัวของฉือชั่นสรรหาคำติติงได้นับสิบ ช่ำชองเชี่ยวชาญสุดจะเปรียบ
เฉียวเจากะพริบตาปริบๆ คนผู้นี้ไม่เหมือนกับภาพในความทรงจำนางสักเท่าไร ยามนั้นเขาแค่หน้าด้านหน้าทนแท้ๆ ดูไม่ออกว่าจะใจแคบใจดำเช่นนี้
“ที่แท้พี่ฉือช่วยคนไม่หวังผลตอบแทนนั่นเอง” เฉียวเจากล่าวถ้อยคำหนึ่ง
ฉือชั่นหรี่ตาลงอย่างไม่ใคร่เข้าใจความหมายของนางนักในชั่วประเดี๋ยว
จูเยี่ยนเป็นผู้ชมกลับอ่านหมากได้ปรุโปร่ง เขาหยุดคิดเล็กน้อยก็กระจ่างแจ้งแล้วหัวร่อเบาๆ อย่างสุดระงับ
หยางโฮ่วเฉิงกระตุกมือจูเยี่ยนทีหนึ่งพลางกระซิบถาม “พูดเป็นปริศนาอะไรกันรึ”
จูเยี่ยนส่ายหน้าไม่เอื้อนเอ่ย
ฉือชั่นมองคนทั้งคู่แวบหนึ่ง ค่อยพิศดูสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ของเฉียวเจาอีกทีก็แจ่มแจ้งในบัดดล
แม่นางน้อยจะบอกว่าตอนแรกเขารับปากพานางกลับเมืองหลวง พอนางจะวาดภาพให้เขาเพราะต้องการทดแทนคุณกลับต้องเสี่ยงโดนไล่ลงจากเรือ เห็นได้ว่าเขามิได้หวังให้นางตอบแทน
แท้จริงแล้วนี่เป็นการประชดประชันเขาว่าเป็นคนใจดำนั่นเอง
ฉือชั่นอดถลึงตาใส่แม่นางน้อยอย่างดุดันไม่ได้
แม่นางน้อยอายุเพียงสิบสองปีจริงหรือ ตอนนี้ก็มีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายมากถึงเพียงนี้ พูดคำหนึ่งยังทำให้ผู้อื่นต้องขบคิดนานสองนาน วันหน้าจะร้ายกาจเพียงใด!
นัยน์ตาทั้งคู่ที่ตาดำและตาขาวตัดกันชัดของเฉียวเจาจับจ้องอยู่ที่ฉือชั่น นางรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับตนเสียเลย ก็แค่พูดตามความจริงเท่านั้น เหตุใดจึงโดนมองตาขวางอีกแล้ว
ฉือชั่นเบนสายตาออกแล้วเอ่ยเสียงเย็น “นึกเสียใจภายหลังตอนนี้ก็สายเสียแล้ว นี่ปู่รอเจ้าวาดภาพอยู่นะ”
ยามนี้เฉียวเจาทนฟังคำว่า ‘ปู่’ ไม่ได้เป็นพิเศษ นางสะกดความไม่พอใจไว้ กล่าวขึ้น “ท่านปู่ข้าล่วงลับไปนานแล้ว”
ฉือชั่นชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดือดดาลเป็นการใหญ่ ยกมือชี้หน้าเฉียวเจา “เจ้า…เจ้า…”
หลังพูด ‘เจ้า’ ซ้ำๆ อยู่เป็นนาน เขาเห็นขอบตานางแดงเรื่อ ถึงกับเค้นคำพูดไม่ออกสักคำ
จูเยี่ยนกับหยางโฮ่วเฉิงฟังออกว่าเฉียวเจาเจตนาเหน็บแนมฉือชั่น เผอิญว่านางเหน็บแนมได้อย่างมีชั้นเชิง ยั่วให้คนโกรธแต่ระบายออกไม่ได้ พาให้ทั้งคู่หัวร่อเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่
ฉือชั่นได้ยินแล้วโมโหมากยิ่งขึ้น
แต่ไรมาเฉียวเจามิใช่คนหน้าบาง บัดนี้อยู่ในร่างเด็กสาวอ่อนต่อโลกก็ยิ่งไม่เอาใจใส่ นางไต่ถามอย่างเยือกเย็น “บนเรือมีหมึกพู่กันกับสีหรือไม่เจ้าคะ”
“มีหมด ข้าพาเจ้าไปเอง” จูเยี่ยนหวั่นเกรงว่าบรรยากาศจะตึงเครียดเกินไป จึงขันอาสานำทางเฉียวเจาไปที่ห้องพักใต้ห้องในตัวเรือ
เดิมทีเรือลำนี้สามารถบรรทุกคนได้สิบกว่าคน แต่สามคนนี้เป็นพวกเจ้าบุญทุ่ม ควักเงินเหมาทั้งลำและใช้ห้องพักว่างห้องหนึ่งทำเป็นห้องหนังสือ
เฉียวเจาเดินตามจูเยี่ยนเข้าไปแล้วมองไปรอบๆ มาตรว่าภายในห้องตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่สิ่งที่พึงมีดังเช่นโต๊ะหนังสือหรือตั่งนั่งเตี้ยล้วนไม่ตกหล่นสักชิ้น