“พู่กัน กระดาษ แท่งหมึก จานฝนหมึกพวกนี้ เจ้าใช้ได้ตามใจชอบเลยนะ” จูเยี่ยนพานางเข้าไปข้างในพลางพูด “แต่อย่ารื้อค้นตำราพวกนี้ส่งเดช ไม่เช่นนั้นจะทำให้สือซีโกรธอีก”
“ขอบคุณพี่จูมาก ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ” เฉียวเจายอบกายคำนับเขาเป็นการแสดงความขอบคุณ
“อย่างนั้นข้าออกไปก่อนนะ”
ตามธรรมดาคนวาดภาพไม่ชอบให้มีคนอยู่รบกวนด้านข้าง อีกประการหนึ่งจะอย่างไรชายหญิงก็ต่างกัน อยู่ในห้องตามลำพังสองต่อสองไม่ใคร่เหมาะสม
เฉียวเจาผงกศีรษะเล็กน้อย “เชิญพี่จูตามสบายเจ้าค่ะ”
จูเยี่ยนเห็นเด็กสาวนั่งตัวตรงหน้าโต๊ะหนังสือ เอากระดาษเซวียนจื่อ* คลี่วางบนนั้น ยกมือขาวผ่องขึ้นแล้วเริ่มต้นฝนหมึกอย่างนุ่มนวล เขาชะงักฝีเท้ากล่าวเสียงเบา “ไม่ต้องกังวลใจนะ สือซีเป็นคนปากร้ายใจดี”
เฉียวเจาเงยหน้าขึ้นสบตากับจูเยี่ยนอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง แต่แล้วก็ยกยิ้มมุมปาก “ขอบคุณพี่จูมาก ข้าไม่กังวลใจเจ้าค่ะ”
ฉือชั่นปากร้ายใจดีเป็นคำเท็จ ส่วนพี่จูท่านนี้ใจดีมากกลับเป็นความจริง
นางไม่มีอะไรต้องกังวลใจ รอเมื่อชดใช้หนี้บุญคุณที่ติดค้างพวกเขา วันหน้านางน่าจะไม่ได้ข้องแวะใดๆ กับสามคนนี้แล้ว
น้ำเสียงของเด็กสาวสงบนิ่ง สีหน้าก็เยือกเย็นเหลือเกิน บันดาลให้จูเยี่ยนเก้อกระดากอยู่สักหน่อย เขาพยักหน้ากับนางแล้วก้าวขาเดินออกไป
ฉือชั่นได้ยินเสียงฝีเท้าแล้วหันหน้ามา พูดด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ไฉนออกมาแล้ว”
จูเยี่ยนเดินมาถึงข้างกาย เงื้อมือทุบเขาทีหนึ่งเบาๆ “พูดอะไรของเจ้า”
ฉือชั่นหลุบตาหยักยิ้มแล้วแลมองไปทางท้องน้ำ
ทิวทัศน์ของวสันตฤดูงดงามเหลือหลาย ต้นหลิวสองฝั่งน้ำสะบัดกิ่งพลิ้วไหวสะท้อนเงาอยู่เหนือผิวน้ำ ละม้ายสาวน้อยอยู่หน้าคันฉ่องประทินโฉมเผยความงามอ่อนหวานละมุนละไมออกมาอย่างเต็มที่ เพียงแต่ริ้วคลื่นกระเพื่อมไหวยามเรือเคลื่อนผ่านทำลายความสงบงดงามนี้ลง
“ไม่มีอะไร แค่กลัวเจ้าจะสร้างปัญหาโดยใช่เหตุเท่านั้นเอง” บุรุษผู้มีรูปโฉมเจิดจรัสกว่าฤดูใบไม้ผลิกล่าวอย่างเนิบนาบ
จูเยี่ยนอึ้งงันไปแล้วก็กลั้นยิ้มไม่อยู่ “สือซี เจ้าคิดมากไปแล้ว”
ภาพเด็กสาวในท่วงท่านั่งหลังเหยียดตรงยิ่งกว่าต้นไป๋หยาง* ผู้นั้นผ่านวาบเข้ามาในห้วงความคิด รอยยิ้มของเขายิ่งกว้างขึ้น
เกรงว่าแม่นางน้อยผู้นั้นอยากให้ทั้งสองฝ่ายไม่ติดค้างกันและกันใจจะขาดมากกว่านะ
เรือแล่นไปเอื่อยๆ ดวงอาทิตย์คล้อยลงทางทิศตะวันตกทีละน้อย
สายตาของหยางโฮ่วเฉิงมองไปทางห้องในตัวเรือบ่อยๆ
“แม่นางน้อยอยู่ในนั้นครึ่งค่อนวันแล้ว กระทั่งอาหารกลางวันก็มิได้ออกมากิน คงจะมิใช่วาดไม่ได้แล้วกลัวถูกสือซีไล่ลงจากเรือ เลยไม่กล้าออกออกมากระมัง”
ฉือชั่นกับจูเยี่ยนสบตากัน
ดูเหมือนเป็นไปได้มากเลยทีเดียว!
“ข้าจะไปดูสักหน่อย” จูเยี่ยนพูดเบาๆ
ฉือชั่นห้ามเขาไว้ เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเยาะ “ข้าไปเอง ดูสิว่านางจะหลบไปถึงเมื่อไร”
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังลอยมา ทั้งสามหันไปตามเสียง เห็นเฉียวเจาเดินมาหา
ฉือชั่นเลื่อนสายตาลงเห็นสองมือนางว่างเปล่า เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ภาพวาดเล่า ถูกเจ้ากินไปแล้วรึ”