หูเสวี่ยซงอาศัยความสามารถของตนจนได้ตำแหน่งนี้มา แต่กลับประจำการอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารริมแม่น้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาติดตามใต้เท้าเข้าเมืองหลวง ไม่ได้นึกถึงเรื่องการผูกสัมพันธ์กับผู้คนสักนิด
ทางด้านซูลั่วอวิ๋นคิดไว้เรียบร้อยแต่แรกแล้ว นางให้เซียงเฉ่ายื่นกระดาษรายชื่อแผ่นหนึ่งส่งให้เขา “นี่เป็นของขวัญที่ข้าซื้อเตรียมไว้แล้วฝากอยู่ที่ร้านขายของพื้นเมืองทางด้านทิศตะวันตกของเมือง กล่องของขวัญแต่ละกล่องเป็นของใต้เท้าท่านใดล้วนเขียนชื่อไว้แล้ว ท่านน้าเล็กอย่ามอบให้ผิดคนก็แล้วกัน เมื่อก่อนตอนข้าอยู่เมืองหลวงเคยตามคุณหนูลู่ไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชามาบ้าง พอจะรู้เรื่องภายในครอบครัวของใต้เท้าหลายท่านที่ควบคุมดูแลกองเดินเรือ หลายวันก่อนยังได้ยินท่านพ่อพูดถึงเรื่องที่ไปเยี่ยมเยียนเจ้านายถึงเตรียมไว้ให้โดยพลการ คราวนี้ท่านน้าเล็กติดตามเจ้านายมา ถ้าลอบส่งของขวัญล้ำค่าลับหลังจะดูมีเล่ห์เหลี่ยมคิดไม่ซื่อ ทั้งยังผิดธรรมเนียม แต่จะไม่เตรียมอะไรก็เหมือนไม่รู้จักผูกสัมพันธ์ไมตรี ดังนั้นมิสู้เตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่เลือกเฟ้นให้ถูกใจผู้รับจะดีกว่า เพียงหวังว่าใต้เท้าเหล่านั้นจะจดจำได้ว่าในกองทัพเรือที่เขตเหลี่ยงเจียงมีทหารฝีมือดีเช่นท่านอยู่เท่านั้นก็พอ”
สิ่งที่นางเตรียมไว้ไม่ใช่ของล้ำค่ามีชื่อเสียงอะไร ทว่าแสดงถึงความตั้งใจอย่างมาก
เป็นต้นว่าใต้เท้าหลี่ของกองเดินเรือชมชอบการตกปลา เผอิญว่าทุกครั้งมักกลับมามือเปล่า ด้วยเหตุนี้นางจึงเลือกซื้อเบ็ดตกปลากวนตงจากแดนตงอิ๋ง* ที่เพิ่งแพร่เข้ามาเมื่อเร็วๆ นี้ เบ็ดตกปลานี้มีตะขอคมกริบสำหรับตกปลาตัวใหญ่ นับว่าเป็นของหายากในตลาด
ส่วนใต้เท้าไป๋ที่รักภรรยาเป็นชีวิตจิตใจ นางเลือกเป็นป้ายลำดับรอสั่งตัดอาภรณ์ที่นางขอมาจากลู่หลิงซิ่ว เสื้อปักลายของสกุลลู่นั้นต่อให้มีทองพันชั่งก็ซื้อหาไม่ได้ หากมิใช่บุตรสาวของเชื้อพระวงศ์ องค์หญิง หรือสนมชายาก็ต้องเข้าแถวรอกันไป
ไป๋ฮูหยินรักความงามมาแต่ไหนแต่ไร พิถีพิถันทั้งเรื่องอาหารและเสื้อผ้าอาภรณ์ ย่อมไม่มีสิ่งใดที่ถูกใจนางมากไปกว่าป้ายลำดับสั่งตัดอาภรณ์ก่อนหน้าผู้อื่นอีกแล้ว
สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมานี้ซูลั่วอวิ๋นล้วนขบคิดจัดเตรียมไว้ให้ท่านน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
ท่านน้าของนางเดินทางมาครานี้มิได้มุ่งหวังอะไร ของขวัญที่มอบให้ก็ไม่ใช่ของล้ำค่าราคาแพง ผู้รับย่อมรับไว้โดยไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด ทั้งยังรู้สึกถึงความใส่ใจและอบอุ่น เป็นธรรมดาที่จะจดจำคนฉลาดมีไหวพริบเช่นท่านน้าได้
ยามขาดกำลังคนในมือ ผู้เป็นขุนนางล้วนวาดหวังว่าจะเสาะหาผู้ใต้บังคับบัญชาที่ฉลาดมีไหวพริบได้สักคน เมื่อถึงวันหน้ามีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง ท่านน้าก็จะมีโอกาสเหนือผู้ใด
ซูลั่วอวิ๋นเอ่ยกับหูเสวี่ยซงว่า “ท่านน้าเล็กไม่ต้องเป็นห่วงพวกข้าสองพี่น้อง ท่านคือที่พึ่งของพวกข้า ยิ่งท่านน้าเล็กปักหลักได้มั่นคง วันเวลาที่พวกข้าอยู่ในสกุลซูก็ยิ่งสบายขึ้นเจ้าค่ะ”
หูเสวี่ยซงประสบกับชีวิตที่ตกอับมาแล้ว บัดนี้เขาไม่ใช่คุณชายผู้เสเพลในครั้งนั้นอีกต่อไป ย่อมเข้าใจคำพูดของหลานสาวอย่างชัดเจน
น่าเสียดายที่เขามีอายุมากกว่าหลานสาวหลายสิบปี แต่กลับคิดอ่านเรื่องต่างๆ ไม่รอบคอบเท่านาง
น้าหลานกำชับกันและกันคราหนึ่งแล้วแยกจากกันเท่านี้
ระหว่างทางกลับเถียนมามาพูดขึ้นอย่างไม่วางใจว่า “คุณชายกล่าวมีเหตุผลนะเจ้าคะ ถ้านายท่านคิดจะส่งคุณหนูใหญ่กลับไปอีกจะทำอย่างไรดี”
ซูลั่วอวิ๋นกลับอมยิ้มพลางถูนิ้วมือของตนไปมาเบาๆ ตรงปลายนิ้วยังมีกลิ่นหอมจางๆ ติดอยู่ตั้งแต่ตอนที่นางให้คุณหนูลู่ลองดมกลิ่น
กลิ่นหอมนี้ติดทนนานถึงสองวัน ขณะที่นางให้ลู่หลิงซิ่วลองดมกลิ่น นางตั้งใจทาตรงเส้นชีพจรข้อมือของอีกฝ่าย เมื่อกลิ่นหอมสัมผัสกับไออุ่นของร่างกายก็จะฟุ้งกระจายไปไกลมากขึ้น…
แค่ไม่รู้ว่าองค์หญิงอวี๋หยางที่ชื่นชอบหลงใหลเครื่องหอมจะพึงใจกลิ่นนี้หรือไม่…