ทว่าซีอินกลับชะงักอยู่นาน นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ข้าแต่งงานเป็นภรรยาผู้อื่นแล้ว จะกลับบ้านเดิมของตนเองได้อย่างไร ที่นี่ดีมาก ข้า…ไม่ขอทำให้ท่านพ่อท่านแม่ต้องเหนื่อยใจอีก”
“เจ้าว่าอะไรนะ!” นายท่านผู้เฒ่าซีโกรธจัด
ฮูหยินผู้เฒ่าซีก็โน้มน้าวอีกแรง “อาอิน! หรือว่าหลายปีมานี้เจ้ายังลำบากไม่พอ ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังจะขัดคำสั่งบิดามารดาอีกหรือ”
ซีอินหวาดกลัวบิดาเชื่อฟังมารดา
เดิมทีนางเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์และเชื่อฟังมากที่สุดคนหนึ่ง ภายหลังถูกหวงซู่ล่อลวง กระทำเรื่องที่สร้างความอับอายขายหน้าให้ทางบ้านเดิม
แต่เวลานี้นางกลับยืดตัวตรง ชั่วชีวิตนี้ของนางไม่เคยแน่วแน่เช่นนี้มาก่อน
นางกล่าว “เรียนท่านพ่อท่านแม่ อาอินแต่งเข้าสกุลหวงแล้ว ชั่วชีวิตนี้ย่อมเป็นสตรีสกุลหวง มิกล้ารบกวนท่านพ่อและพี่ชายอีก!”
“อาอิน!” ฮูหยินผู้เฒ่าซีน้ำตาไหลริน ทุกถ้อยคำล้วนทุกข์ระทม “ลูกแม่ เหตุใดเจ้าถึงเลอะเลือนเพียงนี้! บัดนี้เจ้าเองก็เป็นมารดาคนแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าบุตรสาวเจ้ากำลังจะแต่งงาน สำนักกระบี่หรูอี้แห่งนั้นแขวนโคมไฟผูกผ้าแพร แต่เจ้าดูสถานที่แห่งนี้ของเจ้า มีใครสนใจคนเป็นมารดาอย่างเจ้าบ้าง”
ซีอินเงยหน้าขึ้น มองมารดาแท้ๆ ของตน เนิ่นนานผ่านไปนางจึงพูดเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่ ข้าไม่เคยตระหนักอย่างชัดเจนเท่าวันนี้มาก่อนเลยว่าข้าเป็นมารดาคนหนึ่ง”
ฮูหยินผู้เฒ่าซีพลันเงียบงัน
ซีอินจ้องตานางพลางพูด “เมื่อก่อนข้าคิดอยู่มิวายว่าหากมิใช่เพราะอาจวิน ข้าคงไม่ถึงขั้นต้องแต่งให้หวงซู่ ภายหลังข้าคิดอีกว่าหากอาหร่างเป็นเด็กชาย ข้าคงไม่ถึงขั้นถูกหยามหมิ่น หลายปีมานี้ข้าโทษสวรรค์โทษคนอื่น เป็นทุกข์และเวทนาตนเอง แต่กลับไม่เคยตระหนักเลยว่าข้าเป็นมารดาคนหนึ่ง ทว่าตอนนี้ข้ารู้แล้ว”
เพราะเป็นมารดา ดังนั้นนางจึงมิอาจกลับไปสกุลซีได้อีก
หาไม่แล้วหากนางกลับไป หวงหร่างย่อมต้องอยู่ภายใต้การบงการของสกุลซี
คำพูดเหล่านี้ทุกคนล้วนไม่ได้พูดออกมา
แต่เรื่องที่รู้ดีแก่ใจไยต้องพูดออกมาด้วยเล่า
นายท่านผู้เฒ่าซียิ้มเย็นชา “เดิมทีคิดว่าเจ้าผ่านความยากลำบากมาจะฉลาดกว่านี้สักหน่อย คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังคงโฉดเขลา หมดหนทางเยียวยาจริงๆ” กล่าวจบเขาก็โบกมือ สั่งการว่า “ใครก็ได้พาตัวนางกลับไป!”
ซีอินตกใจ หลายคนก้าวเข้ามาทำท่าจะมัดร่างนาง
แต่ในเวลานี้เองเสียงคนผู้หนึ่งก็ดังขึ้น “นี่นายท่านผู้เฒ่าซีจะชิงตัวคนหรือไร”
นายท่านผู้เฒ่าซีกับฮูหยินผู้เฒ่าซีต่างตกใจ ทั้งสองคนหันกลับไปพร้อมกัน เห็นเพียงนอกประตูมีชาวยุทธ์ร่างสูงใหญ่กำยำคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ
เขาสวมเสื้อหนังสัตว์ เอวห้อยดาบทอง ในมือยังอุ้มลูกแมวสีเทามอมแมมตัวหนึ่ง
ลูกแมวตัวเล็กเกินไป ส่วนเขาสูงใหญ่เกินไป จึงดูขัดกันอย่างยิ่ง
“เป้าอู่?!” นายท่านผู้เฒ่าซีมองเขาคราหนึ่ง โทสะพุ่งขึ้นในใจ “เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่!”
เป้าอู่เดินไปตรงหน้าซีอิน ถือโอกาสนี้ยื่นลูกแมวให้นาง
ลูกแมวตัวนี้เล็กเกินไปจริงๆ หิวจนแม้กระทั่งเสียงร้องยังแผ่วอ่อนน่าสงสาร
ซีอินรีบรับไว้ในมือ ถามว่า “ตัวเล็กเพียงนี้ ท่านไปเอามาจากที่ใด”
เป้าอู่ตอบส่งเดช “เก็บได้ หากเจ้าชอบก็เลี้ยงไว้เถิด”
ซีอินรับคำ ทำท่าจะหาของกินให้ลูกแมว