กรมซือเทียน
หวงหร่างกับใต้เท้าเจ้ากรมกำลังเย็บชุดแต่งงานของทั้งสองคนด้วยกัน ใต้เท้าเจ้ากรมทำเครื่องประดับศีรษะชุดหนึ่งให้ฮูหยินเองกับมือ
ทั้งสองพยายามเอาวัสดุเหลือใช้ของกองวิหคเพลิงมาใช้ หากไม่ต้องควักเงินได้ก็จะไม่ควักเงิน
ชวีม่านอิงเตรียมสินเดิมเจ้าสาวมากมายไว้ให้หวงหร่าง นางกับหวงจวินเร่งทำเสื้อผ้าใหม่ให้หวงหร่างจนไม่ได้นอน แม้กระทั่งเครื่องเรือนก็สั่งทำเรียบร้อยแล้ว
แต่หลังจากนั้นทุกคนจึงได้รู้ว่าหวงหร่างกับตี้อีชิวถึงขั้นไม่คิดที่จะซื้อเรือนหลังใหม่!
ชวีม่านอิงรุดมายังกรมซือเทียนอย่างร้อนใจ ดึงร่างหวงหร่างที่กำลังเย็บรองเท้าให้สามีมาด้านข้าง
หวงหร่างเอ่ยขึ้น “ท่านป้า?”
ชวีม่านอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานจะไม่ซื้อเรือนได้อย่างไรกัน!”
หวงหร่างงุนงง “เช่นนั้นจะต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงใด อีกทั้งพำนักที่หอพักขุนนางก็ไม่ต้องเสียเงิน”
“เจ้าตระหนี่เข้าไปเถิด!” ชวีม่านอิงโมโหจนกลายเป็นขบขัน “หอพักขุนนางนั่น…ไม่สะดวกเพียงใด”
หวงหร่างปลอบใจนาง “หอพักขุนนางราชสำนักเป็นผู้จัดหาให้ ทั้งยังมีบ่าวชายให้ด้วย มีอะไรไม่สะดวกกัน ท่านป้าอย่าเป็นกังวลไปเลย!”
ชวีม่านอิงอ้าปากคล้ายจะอธิบาย ผ่านไปเนิ่นนานจึงเอ่ยว่า “ช่างเถิด ถึงอย่างไรช้าเร็วเจ้าย่อมรู้เอง”
“ข้ารู้ว่าท่านป้าเป็นห่วงข้า” หวงหร่างกอดเอวนาง วางศีรษะเล็กลงบนไหล่นางพลางออดอ้อน
ชวีม่านอิงยังจะทำอย่างไรได้อีก ได้แต่เอ่ยว่า “เจ้า…เฮ้อ เอาเป็นว่าพวกเจ้ารีบไปดูเรือนเสียแต่เนิ่นๆ เถิด เด็กโง่สองคนนี้!”
วันแต่งงานใกล้เข้ามาทุกที หวงหร่างจึงเดินทางกลับไปสำนักกระบี่หรูอี้รอออกเรือน
แต่ในวันนี้สำนักกระบี่หรูอี้กลับมีแขกคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้พบเห็นมาเยือน
…ประมุขสำนักเซี่ยมาเยือนอีกครา
เหอซีจินกับชวีม่านอิงมาพบแขกพร้อมกัน เดิมทีคิดว่าหวงหร่างใกล้จะออกเรือนแล้ว ทั้งยังมีเรื่องเจรจาสู่ขอก่อนหน้านี้ จึงไม่ให้นางปรากฏตัว
แต่เห็นได้ชัดว่าเซี่ยหงเฉินมาเพราะหวงหร่าง จึงจำต้องให้นางออกมาด้วย
เซี่ยหงเฉินนั่งตรงตำแหน่งที่นั่งแขก ท่าทียังคงสุภาพมีมารยาท
หวงหร่างคารวะเขาอย่างอ่อนช้อย มือยื่นเทียบเชิญออกไปพลางกล่าวว่า “ประมุขสำนักมาถูกจังหวะพอดี อีกสองวันจะเป็นวันมงคลของข้า ขอเชิญประมุขสำนักมาร่วมดื่มสุราสักถ้วย”
เด็กคนนี้…
ประมุขสำนักเซี่ยก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้หนอ…ชวีม่านอิงกับเหอซีจินยังทนดูไม่ได้
สายตาของเซี่ยหงเฉินหลุบต่ำ จ้องเทียบเชิญสีแดงเพลิงประหนึ่งมีไฟลุกในมือนาง เนิ่นนานเขาจึงยื่นมือไปรับแล้วเอ่ยตอบ
“ย่อมสมควรอยู่แล้ว”
หวงหร่างจึงนั่งลงอย่างเบิกบาน ของขวัญในส่วนของเซี่ยหงเฉินคงจะไม่น้อย
อันที่จริงเขาเป็นคนใจกว้างมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
เซี่ยหงเฉินเก็บเทียบเชิญเข้าในแขนเสื้อแล้วเอ่ยว่า “เจ้าสำนักเหอ เหอฮูหยิน ข้าเดินทางมาครั้งนี้อยากทำความเข้าใจกับเพลงกระบี่ของแม่นางอาหร่าง ครั้งก่อนที่ได้เห็น ข้าผู้แซ่เซี่ยรู้สึกว่าคล้ายคลึงกับมรรคากระบี่ของสำนักข้าอย่างยิ่ง จึงขอถามแม่นางอาหร่างถึงที่มาของมรรคากระบี่นี้”
ปากเขาเอ่ยถามเรื่องเหล่านี้ ทุกถ้อยคำล้วนจริงจังและมีเหตุผล แต่มือขวาที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อสีหิมะกลับลูบไล้เทียบเชิญนั้นเบาๆ
นางกำลังจะแต่งงาน
สีแดงของเทียบเชิญคล้ายจะลวกเขาจนบาดเจ็บ ทว่าเขายังคงยิ้มน้อยๆ เผยสีหน้าสุภาพสูงส่งออกมา
ประมุขสำนักเซียนอวี้หูเซี่ยหงเฉินไม่มีสิทธิ์หดหู่หรือโศกเศร้า เขาทำได้เพียงสุขุมเยือกเย็น แม้ในใจจะรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม