บทที่ 102 คู่แต่งงานใหม่
เซี่ยหงเฉินถามถึงเรื่องกระบี่แห่งจิตจนได้!
เหอซีจินกับชวีม่านอิงพลันมีสีหน้าหนักอึ้ง มองไปยังหวงหร่างพร้อมกัน
…หลานสาวของพวกเขาเก่งกาจสามารถเกินไป หลายวันมานี้มัวแต่ยุ่งกับพิธีแต่งงานของนาง ทั้งสองจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
หวงหร่างจับจ้องเซี่ยหงเฉิน เนิ่นนานจึงเอ่ยว่า “เรื่องนี้พูดไปแล้วประหลาดยิ่งนัก ตอนวัยเยาว์ข้าเคยฝันว่าได้คารวะประมุขสำนักเซี่ยเป็นอาจารย์ และท่านเป็นผู้ถ่ายทอดมรรคากระบี่แห่งจิตให้ข้าด้วยตนเอง”
“นี่…” เซี่ยหงเฉินขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ
ชวีม่านอิงกับเหอซีจินก็ไม่เชื่อ
จะมีเรื่องแปลกพิสดารเช่นนี้ได้อย่างไร
หวงหร่างจ้องเซี่ยหงเฉินเขม็งพลางเอ่ยว่า “ในความฝันข้าคารวะเป็นศิษย์ของประมุขสำนัก มีวาสนาเป็นอาจารย์กับศิษย์กับประมุขสำนักเป็นเวลาร้อยปี”
เซี่ยหงเฉินตกตะลึง ครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “คำกล่าวนี้ของแม่นางอาหร่างยากจะทำให้คนเชื่อถือได้จริงๆ”
หวงหร่างตอบ “ใช่ แต่…เรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้ ในความฝันประมุขสำนักพำนักอยู่ในตำหนักเยี่ยอวิ๋นบนยอดเขาเตี่ยนชุ่ย ข้ามักจะไปที่ลานฝึกยุทธ์ด้านหลังบ่อยครั้ง ในลานมีต้นอู๋ถงต้นหนึ่ง ข้าฝึกกระบี่อยู่ใต้ต้นอู๋ถง ใบของมันปลิวปรายลงมาเต็มพื้น”
เซี่ยหงเฉินลุกขึ้นยืน หวงหร่างจึงกล่าวขึ้นอีก
“เนื่องจากประมุขสำนักชื่นชอบกล้วยไม้ ข้าจึงตั้งใจปรับปรุงพันธุ์ให้ประมุขสำนักกระถางหนึ่ง ประมุขสำนักรักชอบทีเดียว ตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน”
นางเล่าถึงเหตุการณ์ในความฝันครั้งที่สองช้าๆ บรรยายความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ของพวกเขาอย่างละเอียด
ความตกตะลึงในใจเซี่ยหงเฉินยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
หวงหร่างค้อมกายให้เขาช้าๆ “หากประมุขสำนักไม่เชื่อ สามารถทดสอบวิชาของข้าได้”
เซี่ยหงเฉินตอบทันที “เจ้าสำนักเหอ ข้าขอยืมลานฝึกวิชาใช้สักหน่อยเถิด”
เรื่องนี้จะยากอันใดเล่า เหอซีจินเองก็สนใจใคร่รู้เช่นกัน จึงตอบว่า “เชิญ!”
เขาเดินนำทั้งสองคนไปจนถึงลานเรือนชั้นใน ภายในตั้งใจจัดสรรให้เป็นพื้นที่โล่งกว้างสำหรับให้ศิษย์ที่เพิ่งเข้าสู่สำนักฝึกเพลงกระบี่โดยเฉพาะ
เซี่ยหงเฉินใช้กระบี่แห่งจิตป้อนกระบวนท่าให้หวงหร่าง ความใจตรงกันของทั้งสองคนอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก
ยามนี้เขามั่นใจแล้วว่ากระบี่แห่งจิตของหวงหร่างมาจากการถ่ายทอดของเขาจริงๆ
หวงหร่างไม่ประหม่าแม้แต่น้อย เพราะความจริงแล้วก็ไม่นับว่านางโกหก
นางกับเซี่ยหงเฉินเคยมีวาสนาเป็นอาจารย์กับศิษย์เป็นเวลาร้อยปีจริงๆ อีกทั้งความสัมพันธ์ในตอนนั้นใกล้ชิดเกินกว่าที่เซี่ยหงเฉินจะสามารถคาดเดาได้ในตอนนี้
“ประมุขสำนัก…ไม่ ท่านอาจารย์ ตอนนี้ท่านยอมเชื่อแล้วกระมัง” หวงหร่างเปลี่ยนคำเรียกขาน
เซี่ยหงเฉินรู้สึกสับสนไปชั่วขณะ…เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้
เขาถามเสียงค่อย “ในความฝันเจ้ากับข้า…แค่ถ่ายทอดวิชาหรือ นี่เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อไร”
เขาเริ่มซักถามเวลาและรายละเอียด หวงหร่างก็สามารถชี้แจงได้ “นับตั้งแต่ปีที่ข้าอายุแปดขวบและได้พบประมุขสำนักเป็นครั้งแรกที่ตำบลเซียนฉา”
เหอซีจินกับชวีม่านอิงสบตากัน ดวงตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความสงสัย
เซี่ยหงเฉินถาม “เช่นนั้นเหตุใดหลายปีมานี้เจ้าถึงไม่เคยพูดเรื่องนี้กับข้ามาก่อน”
หวงหร่างตอบ “เพราะข้ารู้ตัวดีว่าต่อให้พูด ประมุขสำนักก็ต้องสงสัยและซักถามสารพัดมิใช่หรือ”
เซี่ยหงเฉินเงียบงัน