ตลอดทางใต้เท้าเจ้ากรมมีเงินมงคลที่กรมอากรมอบให้คอยเบิกทาง จึงเข้าไปในเรือนได้อย่างราบรื่น
หวงหร่างถูกประคองมาตรงหน้าเหอซีจินกับชวีม่านอิงสองสามีภรรยา ทั้งสองคนต่างทอดถอนใจ
“ตอนมาร่างเล็กแค่นี้…” ชวีม่านอิงจับมือหวงหร่าง เนิ่นนานจึงเอ่ยว่า “แต่งงานแล้วย่อมเป็นผู้ใหญ่ ต้องใส่ใจดูแลสามี ปกครองเรือนดูแลกิจการ จะดื้อรั้นซุกซนไม่ได้อีก”
แต่ในความเป็นจริงหวงหร่างสวมชุดแต่งงานเป็นครั้งที่สามแล้ว
ครั้งแรกที่นางออกเรือนซีอินตายไปแล้ว ในสายตาของหวงซู่มีแต่สินสอดที่ได้จากสำนักเซียนอวี้หูและเกียรติยศที่บุตรสาวได้แต่งเข้าสำนักอันสูงส่ง ไม่มีถ้อยคำกำชับแม้แต่ครึ่งคำ
ครั้งที่สองนางรู้ดีว่าเป็นเพียงมายา ย่อมไม่จริงจังแม้แต่น้อย
แต่เพียงครั้งนี้นางบีบมือชวีม่านอิงตอบ รู้สึกเหมือนอยากจะหลั่งน้ำตา
เหอซีจินที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวว่า “ถะ…ถะ…ถ้ามีเรื่อง…คะ…คับข้องใจ…ก็ต้อง…กะ…กลับมา จะ…เจ้ามีท่านลุง…ละ…และพี่ชาย ยะ…ยะ…ย่อมต้องให้ความ…ปะ…ปะ…เป็นธรรมกับเจ้าแน่!”
สองมือของหวงหร่างกุมประสานกับมือสองสามีภรรยา เนิ่นนานจึงตอบเสียงสะอื้น “อาหร่างทราบแล้วเจ้าค่ะ”
ชวีม่านอิงตบมือนางเบาๆ พลางเอ่ยว่า “มารดาเจ้าไม่ได้มา แต่อาหร่าง เป็นเพราะนางไม่อยากสร้างปัญหาให้เจ้า เจ้าอย่าได้โกรธแค้นนาง”
หวงหร่างส่ายหน้า เรื่องราวต่างๆ เริ่มต้นใหม่ ไฉนเลยจะยังมีความแค้นอะไรอีก
“ไป ออกไปกันเถิด!” ชวีม่านอิงจูงนางให้ลุกขึ้นมา พาก้าวข้ามธรณีประตูช้าๆ
ตี้อีชิวยืนอยู่หน้าประตู เห็นคนผู้นั้นสวมชุดแต่งงานสีแดงเพลิงดั่งดวงตะวัน นางเดินมาหาเขา เขากางสองแขนออกช้าๆ คล้ายกำลังโอบกอดดวงตะวันที่เป็นของตน
หวงหร่างให้ตี้อีชิวจับจูงมือ ในที่สุดก็ขึ้นไปบนเกี้ยวเจ้าสาว
สี่เหนียงแจกเงินมงคลอีกรอบ ในที่สุดท่ามกลางเสียงประทัดดังสนั่นจนหูแทบแตก เกี้ยวเจ้าสาวก็ถูกหามขึ้น ขบวนรับตัวเจ้าสาวบรรเลงดนตรีขณะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง
หวงหร่างนั่งอยู่ในเกี้ยว เลิกมุมหนึ่งของผ้าคลุมศีรษะขึ้นมา ลอบมองออกไปข้างนอก
ตี้อีชิวนั่งอยู่บนหลังม้า เห็นเพียงแผ่นหลังเหยียดตรงเลือนราง
นางรู้สึกเหมือนได้อมลูกกวาดไว้เม็ดหนึ่ง เบิกบานใจอย่างบอกไม่ถูก
ตี้อีชิว ในที่สุดวันนี้ข้าก็ได้แต่งให้ท่านแล้ว!
ราชสำนักคล้ายจงใจโอ้อวด ขบวนรับตัวเจ้าสาวจึงผ่านเมืองและตำบลมากมายเป็นพิเศษ
ตลอดทางเสียงประทัดดังก้อง ลูกกวาดมงคลโปรยออกไป ทั่วหล้าร่วมเฉลิมฉลอง
ใต้เท้าเจ้ากรมเร่งรัดหลายครั้ง สี่เหนียงปิดปากเอ่ยว่า “ตายจริง เจ้ากรมโปรดวางใจ เจ้าสาวไม่หนีไปที่ใดแน่”
เวลานี้เองม่านหน้าต่างของเกี้ยวเจ้าสาวก็ถูกเลิกขึ้นมุมหนึ่ง เจ้าสาวบ่นเสียงค่อย “ข้าจะหนีไปที่ใดได้ ข้าเองก็รอไม่ไหวแล้วเช่นกัน!”
มิคาดคิดว่าในขบวนรับตัวเจ้าสาวนี้จะมีผู้ที่มีพลังวัตร ทุกคนจึงได้ยินชัดเจน ข้างนอกเกิดเสียงหัวเราะดังครืน
สี่เหนียงวิ่งเข้าไปอย่างร้อนใจ หัวเราะพลางออกแรงดึงม่านลง “เจ้าสาวอย่าพูดอีกเลย!”