เขายกชามบะหมี่อายุยืนขึ้นมา กินจนหมดอย่างรวดเร็ว
ซีอินมองดูเขากินอาหาร มุมปากยกยิ้ม
นางไม่ได้จ้างบ่าวไพร่ หมู่บ้านเกษตรแห่งนี้มีแต่เป้าอู่ที่มาเป็นประจำ
นอกจากดูแลที่นาสิบหมู่นั้นแล้ว บางครั้งนางจะเขียนจดหมายถึงชวีม่านอิง ชวีม่านอิงตอบจดหมายรวดเร็วยิ่ง อีกฝ่ายมักจะเล่าว่าเพลงกระบี่ของหวงจวินก้าวหน้าไปไวมาก ซีอินอ่านอย่างตั้งใจ แต่นางไม่เคยเขียนจดหมายถึงหวงจวิน ดังเช่นที่นางไม่อยากรบกวนหวงหร่าง
เป้าอู่ไม่เข้าใจเรื่องซับซ้อนเช่นนี้ เขาพุ้ยข้าวหมดไปหนึ่งชามแล้วเอ่ยว่า “หากเจ้าไม่อยากสร้างความยุ่งยากให้แม่นางอาหร่างก็อย่าทำให้ตนเองลำบาก”
“ข้ารู้” ซีอินยิ้มพูด นางลุกขึ้นเติมข้าวให้เป้าอู่ “ข้าจะใช้ชีวิตให้ดี”
ทางด้านหวงหร่างกำลังตั้งใจตรวจนับที่นาของตี้อีชิว
ไม่ใช่ ตอนนี้เป็นของนางแล้ว
ในฐานะภูตดินที่มีความสามารถ นางแบ่งสันที่นาเหล่านี้อย่างรวดเร็ว แต่ชาวนายังไม่เพียงพอ
หวงหร่างบังเกิดความคิด…ศิษย์ในสำนักปรับปรุงพันธุ์พืชเหล่านั้นไม่มีแปลงปลูกทดลองมิใช่หรือ!
ดังนั้นนางจึงไปหาจงจื่อกุย บอกว่าตนจะมอบที่ดินให้และสอนศิษย์เหล่านั้นปรับปรุงพันธุ์พืช!
จงจื่อกุยดีใจจนหุบปากไม่ลง ตอบตกลงโดยไม่คิดทันที
ศิษย์เหล่านั้นเดิมทีมีความกังวลมากทีเดียว…จะให้เรียนรู้การปรับปรุงพันธุ์พืชกับปลาเค็มอย่างหวงหร่างหรือ
ทว่าความกังวลนี้สลายหายไปทั้งหมดหลังจากที่พวกเขาได้เห็น ‘แปลงปลูกทดลอง’ ในอนาคตของตนเอง
ดังนั้นหวงหร่างจึงได้แรงงานมาจำนวนหนึ่ง จงจื่อกุยได้ผู้ชี้แนะโดยไม่ต้องเสียเงิน บรรดาศิษย์ก็ได้รับแปลงปลูกทดลองชั้นดีและมีพื้นที่กว้างใหญ่
หวงหร่างวางแผนปรับปรุงเมล็ดพันธุ์อย่างรวดเร็ว บรรดาศิษย์เห็นเมล็ดพันธุ์จำหน่ายที่นางต้องการให้ปรับปรุงแล้วก็ไม่พอใจทันที
ภูตดินตนหนึ่งที่มีชื่อว่าซารั่วเอินเอ่ยว่า “ปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ข้าวฟ่างหรือ เช่นนี้จะคิดค้นเมล็ดพันธุ์เลื่องชื่ออะไรออกมาได้”
เดิมทีซารั่วเอินก็มีเชื้อสายภูตดิน จะว่าไปแล้วก็เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ แต่น่าเสียดายที่บิดามารดาเขาจากไปเร็ว ตระกูลจึงตกต่ำ เพื่อยึดครองกิจการ คนในตระกูลจึงไล่เขาออกมา
เขาไม่มีที่ให้ไป สำนักปรับปรุงพันธุ์พืชงดเว้นค่าเล่าเรียนให้เขา ทำให้เขารั้งอยู่ในกรมซือเทียน
แม้จะเป็นภูตดินเช่นนี้ แต่ในสำนักปรับปรุงพันธุ์พืชก็นับเป็นสมบัติล้ำค่า
ส่วนภูตดินอีกตนก็ไม่ต่างกันนัก บิดามารดาเคราะห์ร้าย เกิดมาก็ถูกทอดทิ้ง ราชสำนักเก็บกลับมาและถูกวางไว้เป็นสมบัติล้ำค่าในสำนักปรับปรุงพันธุ์พืช จงจื่อกุยตั้งชื่อให้เขาด้วยตนเองว่าจงฉีกวง
ทั้งสองเป็นศิษย์ที่จงจื่อกุยตั้งใจบ่มเพาะ
เนื่องจากหวงหร่างทำตัวเป็นปลาเค็มมาโดยตลอด ให้มาเล่าเรียนกับนาง ทั้งสองย่อมไม่ยอมรับนับถือ