บทที่ 99 สำนึกผิด
เช้าวันต่อมาหวงหร่างทำอาหารเช้าแล้วหิ้วมาให้ตี้อีชิวตามเดิม
ใต้เท้าเจ้ากรมก็ทำเหมือนเช่นทุกวัน นั่งลงและช่วยจัดชามตะเกียบ ทว่าระหว่างสองคนมีความกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย
ตี้อีชิวคีบอาหาร กินอยู่นานก็ยังไม่รู้ว่าอาหารเช้าวันนี้คืออะไร
ทว่าหวงหร่างไม่พูดไม่จา ทั้งสองคนที่นั่งหันหน้าเข้าหากันกลายเป็นท่อนไม้สองท่อน
ตี้อีชิวลอบชำเลืองมองหวงหร่างคราหนึ่ง ถึงได้พบว่ามือของนางเรียวยาวขาวกระจ่างถึงเพียงนั้น เล็บทุกเล็บล้วนเป็นสีชมพูเปล่งประกาย
…นางคือตี้ซานเมิ่ง ข้าควรตระหนักได้นานแล้ว ถึงอย่างไรนางก็มีมือเช่นนี้
ตี้อีชิวคิด ก่อนหน้านี้เรื่องพวกนี้เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน
ใต้เท้าเจ้ากรมคีบอาหารคำหนึ่ง ยังคงไม่รับรู้รสชาติ จนกระทั่งหวงหร่างเตือนสติเขา “เมื่อครู่ท่านกินอบเชยเข้าไป”
“ถุยๆ…” ใต้เท้าเจ้ากรมรีบคายออกมา
หวงหร่างปิดปาก เริ่มหัวเราะเบาๆ
ใต้เท้าเจ้ากรมแค่นเสียงเย็นชา ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “ข้า…วันนี้จะไปกรมพิธีการสักหน่อย”
จู่ๆ เขาพูดเรื่องนี้ ทำให้หวงหร่างรู้สึกแปลกใจ “ไปทำอะไร”
ใต้เท้าเจ้ากรมตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แม้ข้าจะมิได้ใช้สกุลของราชวงศ์ แต่หากจะแต่งภรรยายังคงต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมพิธีของราชสำนัก”
เขาพูดว่าแต่งภรรยา…ในใจหวงหร่างพลันหวานล้ำ แต่ภายนอกกลับจุปากคราหนึ่ง “ใครสนใจท่านกัน”
สองคนก้มหน้ากินอาหาร ข้างนอกพลันมีคนเอ่ยว่า “เจ้ากรม ประมุขสำนักเซี่ยมาเยือนขอรับ”
เซี่ย…หวงหร่างชะงักไปเล็กน้อย หลายปีมานี้เขามาเยือนกรมซือเทียนบ่อยกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ใต้เท้าเจ้ากรมขมวดคิ้วเช่นกัน ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “เชิญเข้ามาเถิด”
ถึงอย่างไรสำนักเซียนอวี้หูก็เป็นผู้นำของสำนักเซียน เซี่ยหงเฉินมีฐานะพิเศษ มิอาจเสียมารยาทได้
ไม่นานนักเซี่ยหงเฉินก็ก้าวเข้ามาข้างใน
ส่วนตี้อีชิวเพียงเอ่ยว่า “ประมุขสำนักเซี่ยมาเช้าเหลือเกิน ข้ากำลังกินอาหารอยู่พอดี เสียมารยาทแล้วจริงๆ”
ปากเขาพูดว่าเสียมารยาท แต่ยังคงกินอาหารต่ออย่างไม่รีบร้อน ไม่มีทีท่าขออภัยสักนิด
“ไม่เป็นไร” เซี่ยหงเฉินไม่สนใจอยู่แล้ว อันที่จริงเทียบกับนิสัยประชดเสียดสีของใต้เท้าเจ้ากรม เห็นได้ชัดว่าประมุขสำนักเซี่ยมีความเป็นวิญญูชนมากกว่า
เขากวาดสายตามองอาหารบนโต๊ะ จากนั้นก็มองหวงหร่างที่นั่งอยู่ด้านข้าง ถามว่า “อาหารเหล่านี้…ล้วนเป็นแม่นางอาหร่างเข้าครัวทำด้วยตนเองหรือ”
หวงหร่างได้แต่ตอบว่า “ฝีมือการทำอาหารไม่ล้ำเลิศ ทำให้ประมุขสำนักขบขันแล้ว” นางถามต่อด้วยความเกรงใจ “หากประมุขสำนักยังไม่ได้กินอะไรมา มิสู้ข้าตักข้าวให้ประมุขสำนักสักชามดีหรือไม่”
เดิมทีนี่เป็นเพียงคำพูดตามมารยาท นางไม่คิดโดยสิ้นเชิงว่าเซี่ยหงเฉินจะตอบรับ
อันที่จริงเซี่ยหงเฉินผู้นี้เป็นคนเสแสร้งมากทีเดียว
ดังนั้นเขาจึงนั่งลงตรงข้ามตี้อีชิวจริงๆ พลางตอบว่า “เช่นนั้นก็รบกวนแม่นางอาหร่างแล้ว”
หวงหร่างเกือบจะสงสัยว่าตนเองฟังผิดไปหรือไม่ แม้กระทั่งตี้อีชิวยังแปลกใจ เขาเงยหน้ามองเซี่ยหงเฉินคราหนึ่ง แต่เซี่ยหงเฉินยังคงมีท่าทางสุขุมเป็นธรรมชาติ
คำพูดพอเอ่ยออกไปแล้วก็ไม่สะดวกจะเรียกกลับคืนมา หวงหร่างได้แต่ถือชามไปตักโจ๊กให้เซี่ยหงเฉิน
เซี่ยหงเฉินกินไปคำหนึ่งแล้วชมว่า “โจ๊กใช้เนื้อปูเคี่ยวเป็นน้ำแกง รสชาติจึงยอดเยี่ยมกว่าเดิม แม่นางอาหร่างช่างมีความตั้งใจจริงๆ”
ใส่เนื้อปูลงไปด้วยหรือ