ใต้เท้าเจ้ากรมกวาดสายตามองโจ๊กคราหนึ่ง แต่มองไม่เห็นของสิ่งนี้
เขาย่อมมองไม่เห็นอยู่แล้ว เมื่อก่อนเซี่ยหงเฉินเป็นคนเลือกกิน หวงหร่างจึงได้แต่ใช้สิ่งเหล่านี้ปรุงน้ำแกงโดยไม่ทำให้ในโจ๊กมีสิ่งอื่นปะปน
นั่นทำให้ภายหลังแม้นางจะจากหอฉีลู่มานานแล้ว แต่ความเคยชินนี้ยังคงมีอยู่
เซี่ยหงเฉินกินโจ๊ก เห็นได้ชัดว่าแม้เวลาจะผันผ่าน แต่ความชื่นชอบของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ใต้เท้าเจ้ากรมวางตะเกียบ เอ่ยว่า “ประมุขสำนักเซี่ยมาวันนี้เป็นเพราะท้องหิวหรือ”
เซี่ยหงเฉินถือเสียว่าเขายังอายุน้อย นิสัยช่างประชดชัน จึงไม่ถือสาคำพูดของผู้เยาว์
เขากินโจ๊กอย่างไม่รีบร้อน บางครั้งยังกินเครื่องเคียงอีกสองคำด้วย
ฝีมือการทำอาหารของหวงหร่างถูกใจเขาอย่างคาดไม่ถึง
พอกินอาหารเสร็จ เขาก็วางชามตะเกียบแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือและปาก จากนั้นเขาก็ยิ้มน้อยๆ “ข้าผู้แซ่เซี่ยเดินทางมาครั้งนี้เป็นเพราะครั้งก่อนตี้ซานเมิ่งเซียนเซิงปรับปรุงเมล็ดบัวขมให้ผู้อาวุโสเหมียว สำนักเซียนอวี้หูมีหญ้าลึกลับชนิดหนึ่ง ผลเก็บเกี่ยวน้อยนิดมาโดยตลอด หลายปีมานี้ไม่อาจเพิ่มสรรพคุณยาได้ ข้าผู้แซ่เซี่ยจึงอยากขอให้แม่นางอาหร่างช่วยนำความไปแจ้งตี้ซานเมิ่งเซียนเซิงว่าหากสามารถปรับปรุงเมล็ดพันธุ์จำหน่ายของพืชชนิดนี้ได้จะตอบแทนอย่างงาม”
เขาบอกเล่าจุดประสงค์ที่เดินทางมา หวงหร่างจึงเข้าใจ
นางเอ่ยว่า “ประมุขสำนักเกรงใจแล้ว หญ้าวิเศษชนิดนี้ท่านได้นำมาด้วยหรือไม่ อีกทั้งหญ้าวิเศษไม่เหมือนเมล็ดพันธุ์จำหน่ายทั่วไป อย่างไรก็ต้องรู้ฤทธิ์ยาของมันก่อน เกรงว่าเรื่องนี้คงไม่อาจทำได้ในชั่วเวลาสั้นๆ”
เซี่ยหงเฉินย่อมรู้อยู่แล้ว เขาหยิบหญ้าวิเศษต้นหนึ่งออกมาจากวัตถุวิเศษเก็บของพลางพูดว่า “เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว สรรพคุณของหญ้าชนิดนี้ข้าผู้แซ่เซี่ยรู้ดี หากแม่นางอาหร่างมีเวลาสามารถพูดคุยรายละเอียดได้ทุกเมื่อ”
หวงหร่างรับหญ้าต้นนี้มา “เจตนาของประมุขสำนักข้าจะนำไปแจ้งตี้ซานเมิ่งเซียนเซิงแน่นอน”
เซี่ยหงเฉินจึงกล่าวว่า “มิขอปิดบัง ตั้งแต่ข้าผู้แซ่เซี่ยพบแม่นางอาหร่างเป็นครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนรู้จักกันมานานปี หากแม่นางอาหร่างมีเวลา สำนักเซียนอวี้หูยินดีต้อนรับแม่นางมาเป็นแขกทุกเวลา”
รู้จักมานานปีหรือ แต่สถานที่แห่งนั้นข้าไม่อยากกลับไปอีกแล้วจริงๆ
หวงหร่างยิ้มน้อยๆ เช่นกัน นางยืดตัวตรง สง่างามมีมารยาท อากัปกิริยาเหมาะสม แตกต่างไปจากยามปกติโดยสิ้นเชิง
“ขอบคุณประมุขสำนักที่เชื้อเชิญด้วยไมตรี อาหร่างจดจำไว้แล้ว” หวงหร่างยิ้มน้อยๆ ตอบเขา บางทีระหว่างคนกับคนอาจมีความเคยชินอย่างหนึ่งจริงๆ
ดังเช่นยามที่นางอยู่ต่อหน้าเซี่ยหงเฉิน แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ยังคงรักษาหน้ากากจอมปลอมไว้โดยไม่รู้ตัว
เซี่ยหงเฉินผงกศีรษะแล้วหันกายจากไป
รอจนกระทั่งเขาออกจากประตู ใต้เท้าเจ้ากรมจึงแค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง
หวงหร่างก้มหน้าเก็บชามตะเกียบลงในกล่องใส่อาหาร จากนั้นก็เช็ดโต๊ะให้สะอาด
ใต้เท้าเจ้ากรมมีโทสะแต่ไร้ที่ระบาย จึงพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ดูเหมือนว่าใจของประมุขสำนักเซี่ยมิได้อยู่ที่สุรา แต่อยู่ที่โจ๊กชามนี้”
หวงหร่างคร้านจะสนใจเขา พอเช็ดโต๊ะเสร็จแล้วนางก็หันหลังจะจากไป ใต้เท้าเจ้ากรมจึงพูดเสียงขุ่น
“ประมุขสำนักเซี่ยอาลัยอาวรณ์เช่นนี้ หรือว่าความมีเสน่ห์เย้ายวนของเจ้าเขาก็เคยเห็นมาก่อน”
เขาพูดเรื่องอื่นหวงหร่างล้วนไม่ถือสา แต่เขากลับพูดเรื่องนี้