เวลานี้รองเจ้ากรมหลี่ลู่ส่งคนมาแจ้งเขาว่าสำนักปรับปรุงพันธุ์พืชทำเรื่องลาออกให้หวงหร่างแล้ว
ไม่นานนักก็มีคนมารายงานว่าหวงหร่างกำลังเก็บสัมภาระในหอพักศิษย์
ผ่านไปอีกพักหนึ่งก็มีคนมารายงานอีกว่าหวงหร่างได้ยกข้าวของจำนวนหนึ่งให้ศิษย์ในสำนักปรับปรุงพันธุ์พืชแล้ว
ใต้เท้าเจ้ากรมยืนนั่งไม่เป็นสุข ในที่สุดเขาก็หากระดาษกับพู่กันมา ตวัดเพียงไม่กี่ที เขียนจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นอย่างเร่งรีบ
“เป้าอู่!” ใต้เท้าเจ้ากรมทำหน้าเคร่งขรึม เอ่ยว่า “นำจดหมายฉบับนี้ไปส่งที่หอพักศิษย์ มอบให้…หวงหร่าง!” ท่ามกลางสายตาของทุกคน ใต้เท้าเจ้ากรมยืนอยู่บนขั้นบันไดสูง มิอาจก้าวเดินลงมาได้โดยสิ้นเชิง เขาทำหน้าขึงขัง เอ่ยขึ้นอีก “บอกนางว่าอ่านดูแล้วจะไปหรือจะอยู่ก็ใคร่ครวญเอาเอง!”
“ขุนนางผู้น้อยน้อมรับคำสั่ง!” เป้าอู่รับจดหมายมาแล้วก้าวไปยังหอพักศิษย์
เวลานี้หอพักศิษย์มีศิษย์ล้อมวงมากมาย หลังจากอยู่ร่วมกันมาสองปี ทุกคนมีหรือจะตัดใจให้หวงหร่างจากไปได้
จงฉีกวงกับซารั่วเอินพูดโน้มน้าวนางไม่รู้กี่ครั้ง ยามนี้อารมณ์ของทุกคนหดหู่ยิ่ง
จังหวะนี้เองเป้าอู่ก็เข้ามาแล้วเอ่ยว่า “แม่นางอาหร่าง เจ้ากรมมีจดหมาย สั่งให้ข้านำมามอบให้!”
เขาเป็นคนเสียงดังอยู่แล้ว หวงหร่างไม่ได้ยินยังดี ครั้นฟังแล้วเพลิงโทสะก็เหมือนถูกราดด้วยน้ำมัน! นางยิ้มเย็นชา
“อะไรกัน เจ้ากรมของพวกท่านมีจดหมายด้วยหรือ!”
เขายังอยากพูดทำร้ายจิตใจคนอื่นอีกหรือ จะต้องตัดสัมพันธ์ให้เด็ดขาดเลยใช่หรือไม่!
หวงหร่างยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห นางตวาดเสียงเฉียบขาด “อ่านให้ข้าฟัง! ข้าอยากฟังว่าเขามีอะไรจะพูดอีก!”
ท่ามกลางสายตาของศิษย์ทั้งหลาย เป้าอู่ได้แต่เปิดจดหมาย เขาดึงจดหมายออกมาแล้วอ่านเสียงดัง “หนังสือสำนึกผิด! วันนี้ข้ากระทำความผิด ขอหันหน้าเข้าหากำแพงสำนึกผิด เอ่ยวาจาไร้มารยาท ทำให้ฮูหยินขุ่นเคืองเป็นความผิดข้อแรก เป็นผู้น้อยล่วงเกินผู้ใหญ่ ไม่เคารพฮูหยินเป็นความผิดข้อสอง ระแวงสงสัย…”
เป้าอู่ยังจะอ่านต่อไป แต่หวงหร่างกลับพุ่งเข้ามา ดึงจดหมายไปทันที
…เขามีหน้าตาอยู่เพียงเล็กน้อยแค่นั้น ยังจะต้องทำลายไม่ให้เหลือด้วยหรือ!
ปากของศิษย์รอบด้านที่อ้ากว้างหุบลงช้าๆ เนิ่นนานจึงมีคนลอบหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไรกัน! ออกไป ออกไปให้หมด!” หวงหร่างไล่ทุกคนออกไปก่อนจะปิดประตู
นางใช้หลังพิงประตู เปิดกระดาษจดหมายที่ถูกขยำจนยับแผ่นนั้นออกช้าๆ บนกระดาษจดหมายมีลายมือที่งดงามสง่าผ่าเผย ปลายพู่กันของเด็กหนุ่มแข็งแรงทรงพลังยิ่ง
แค่ฝืนรักษาหน้าตนเองไว้ก็ถึงกับต้องเขียนถ้อยคำขออภัยมาเต็มหน้ากระดาษ
หวงหร่างพับกระดาษจดหมายอย่างระมัดระวัง เก็บไว้กับตัว
นอกความฝันนางกับเซี่ยหงเฉินไม่เคยทะเลาะกันเช่นนี้มาก่อน นางย่อมไม่รู้ว่าต้องง้องอนอย่างไร
เพราะไม่ว่าเวลาใดเขาก็มักจะทอดทิ้งนางไว้ในหอฉีลู่ ไม่ถามไถ่ห่วงใย จนกระทั่งตัวนางสงบลงเอง
ทว่าครั้งนี้หวงหร่างได้รับจดหมายขออภัยฉบับหนึ่ง
จากนั้นเพียงแค่สองวันเหตุการณ์จดหมายขออภัยฉบับนี้ก็แพร่ไปทั่วทั้งในและนอกราชสำนัก
เรื่องราวแพร่ไปถึงหูของชวีม่านอิง เฝิงเจิงเอ๋อร์ และไต้อู๋ซวง ทั้งสามต่างรู้สึกว่าใต้เท้าเจ้ากรม ‘เป็นวีรบุรุษผู้หนึ่ง’ เรียกร้องให้สามีของตนคบหากับเขาให้มากๆ
ในที่สุดในกลุ่มสามเซียนผู้กลัวภรรยาก็มีคนใหม่เพิ่มเข้ามาแล้ว