บทที่ 1 แค้นเก่า
หวงหร่างกลายเป็นเผือกร้อนหัวหนึ่ง
ผู้เก่งกล้าจากสำนักเซียนหลายคนฝ่าฟันอันตรายลักพาตัวนางออกมาด้วยความยากลำบากเหลือแสน เดิมทีคิดว่านางจะต้องรู้แผนการชั่วร้ายของตาเฒ่าเซี่ยหลิงปี้นั่นเป็นแน่ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะกลายเป็นเช่นนี้
ศีรษะของนางมีเข็มทองปักอยู่สองเล่ม นี่คือเข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูก…เครื่องมือลงทัณฑ์ขั้นสูงสุดของสำนักเซียนอวี้หู
ผู้ที่เคยถูกลงทัณฑ์ด้วยสิ่งนี้ ไม่ว่าพลังวัตรจะสูงล้ำเพียงใดก็เป็นได้แค่คนตายที่ยังหายใจเท่านั้น นับแต่นั้นมามิอาจพูดจาและเคลื่อนไหว ไม่แตกต่างอันใดจากวัตถุไร้ชีวิต
ผู้อาวุโสสามคนจากสำนักเซียนเห็นดังนั้นแล้วก็รู้สึกยากจะรับมือ
เพราะฐานะของหวงหร่างผู้นี้พิเศษนัก…นางเป็นภรรยาประมุขสำนักเซียนอวี้หูเซี่ยหงเฉิน
การแฝงตัวเข้าสำนักเซียนอวี้หู ลักพาตัวฮูหยินประมุขสำนักมา ความผิดนี้หากต้องรับไว้ ชื่อเสียงหน้าตาของทุกคนย่อมป่นปี้
อย่างไรเสียทุกคนล้วนเป็นผู้ที่มีหน้ามีตาในสำนักเซียน หากมีข่าวลือว่า ‘ก่อเหตุเพราะคนงาม’ แพร่ออกไปย่อมมิใช่เรื่องเล่นๆ อีกทั้งในบ้านของทั้งสามล้วนมีภรรยาที่น่าเกรงขามดุจพยัคฆ์ หากพาสตรีที่งามสะคราญปานนี้กลับบ้าน พวกตนยังจะมีทางรอดหรือ!
ผู้เก่งกล้าทั้งสามกระอึกกระอักและเริ่มบ่ายเบี่ยงกันไปมา เรื่องที่ใครจะเป็นคนซ่อนตัวหวงหร่างกลายเป็นปัญหาใหม่
หลังการหารือกันหลายครั้ง ทุกคนตัดสินใจให้หวงหร่างไปอยู่กับเจ้าสำนักจาง จางซูจิ่ว เหตุผลคือในสำนักของเขามีหมออยู่มากมาย สามารถรักษานางได้สะดวก
เจ้าสำนักจางไฉนเลยจะกล้ารับตัวคน เคราะห์ดีที่เขาตั้งสติได้ท่ามกลางวิกฤต พลันนึกถึงเรื่องราวเก่าก่อนเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
เจ้าสำนักจางสะบัดแขนเสื้อเอ่ยว่า “จะว่าไปแล้วสมัยที่เซี่ยฮูหยินผู้นี้ยังไม่แต่งงาน เจ้ากรมซือเทียนชมชอบนางทีเดียว ยังเคยขนสินสอดมากมายไปสู่ขอถึงที่บ้าน!”
หืม?
สายตาของผู้เก่งกล้าทั้งสามเลื่อนไปยังบริเวณหลบลมใต้ภูเขาศิลาทันที ตรงนั้นมีใต้เท้าเจ้ากรมซือเทียนแห่งราชสำนัก…ตี้อีชิวยืนอยู่
เพื่อปกปิดฐานะ เจ้ากรมผู้นี้จึงสวมชุดสีดำเข้ารูป ใบหน้าสวมหน้ากาก กอดอกยืนพิงภูเขาศิลาอยู่
“เซี่ยฮูหยินแต่งงานไปได้ร้อยกว่าปีแล้ว เจ้ากรมยังคงไม่แต่งภรรยา เห็นได้ชัดว่ารักปักใจทีเดียว!” อู่จื่อโฉ่วผู้เก่งกล้าอีกคนร้อนใจอยากถอนตัวออกจากเรื่องนี้ อย่าว่าแต่พาเซี่ยฮูหยินผู้นี้กลับไป แค่เข้าใกล้เขายังไม่กล้า เกรงว่าจะติดกลิ่นอายของนางมา ทำให้ภรรยาที่บ้านค้นพบเงื่อนงำ
เจ้าสำนักเหอ เหอซีจินเนื่องจากลิ้นเคยได้รับบาดเจ็บ ทำให้เป็นคนพูดติดอ่าง เขาเอ่ยเสียงดังทันใด “กะ…กะ…กล่าวได้ถูกต้อง!”
จางซูจิ่วจึงตัดสินอย่างเฉียบขาด “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ให้เจ้ากรมซือเทียนเป็นคนดูแลเซี่ยฮูหยินชั่วคราว ใต้เท้าเจ้ากรมไม่ต้องกังวล พวกข้าจะต้องเสาะหาหมอทั่วหล้ามาช่วยรักษาเซี่ยฮูหยินให้หายดีในเร็ววันแน่”
อีกสองคนพยักหน้ารัวเร็ว อู่จื่อโฉ่วเห็นด้วย “พี่รองกล่าวถูกต้อง! รอให้พวกข้าสืบหาความจริงให้ชัดเจนเสียก่อน ตาเฒ่าเซี่ยหลิงปี้ผู้นี้ย่อมอยู่ไม่ไกลจากความตายแล้ว!”
เหอซีจินรีบพูดเสริม “ชะ…ใช่!”
สามคนพูดพลางเดินจากไปไกลราวกับตี้อีชิวตกปากรับคำเป็นที่เรียบร้อย
รอจนกระทั่งทั้งสามคนจากไป ตี้อีชิวจึงเคลื่อนไหวในที่สุด
เขาเดินไปตรงหน้าหวงหร่างช้าๆ ถอดหน้ากากออก พินิจพิจารณานางเงียบๆ หวงหร่างก็มองดูเขาเช่นกัน ใต้ภูเขาศิลาที่นูนขึ้นมาลูกนี้ ความสะทกสะท้อนมากมายในใจหวงหร่างแปรเปลี่ยนเป็นคำสบถ
…เมื่อร้อยกว่าปีก่อนตี้อีชิวผู้นี้เคยเป็นคนที่รักใคร่ชอบพอข้า
ตอนนั้นเพื่อรักษาชื่อเสียงสตรีผู้อ่อนโยนรู้มารยาทของตนไว้ หวงหร่างจึงรับมือกับเขาอย่างสุภาพและเอาใจใส่มาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้เองตี้อีชิวจึงตัดสินใจมาสู่ขอนางที่บ้าน แต่ยามนั้นหวงหร่างได้เกาะเกี่ยวกิ่งไม้สูงอย่างเซี่ยหงเฉินแล้ว ใจคิดแต่จะแต่งเข้าสำนักเซียน แล้วจะปล่อยให้เขาทำชื่อเสียงของตนมัวหมองได้อย่างไร
ดังนั้นหวงหร่างจึง…ปฏิเสธเขาอย่างเด็ดขาด!
ตอนนั้นนางยังเยาว์วัยเกินไปจริงๆ ไฉนเลยจะรู้ว่าร้อยกว่าปีให้หลังตนอายุปูนนี้แล้วกลับยังต้องตกอยู่ในเงื้อมมือเขา
หวงหร่างนึกเสียใจภายหลังอย่างยิ่ง
ตี้อีชิวอุ้มหวงหร่างขึ้นมา ภาพตรงหน้าของหวงหร่างก็เปลี่ยนไป มองเห็นคราบเลือดบนหัวไหล่เขา
…เขาได้รับบาดเจ็บ