เขามิได้พูดต่อ ไม่รู้เพราะเหตุใดในใจถึงมีความรู้สึกมากมายพันพัว แตกกิ่งก้านสาขาออกไปจนเขารู้สึกเจ็บปวด
เสียงของหวงหร่างราบเรียบยิ่ง นางพูดว่า “บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าเขาไม่เลวทีเดียว อย่างน้อยเขาก็ยังจดจำวันคล้ายวันเกิดของข้าได้ ทั้งยังมอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้ข้าบ้าง หงเฉิน ท่านจำวันคล้ายวันเกิดของข้าได้หรือไม่”
เซี่ยหงเฉินอึ้งงันไป เขาไม่เคยถามมาก่อน
หวงหร่างก็ไม่ถือสา นางบอกเขาว่า “วันที่สามเดือนสาม หงเฉิน วันคล้ายวันเกิดของข้าคือวันที่สามเดือนสาม ทั่วทั้งสำนักเซียนอวี้หูมีเพียงเซี่ยหยวนซูที่รู้ ศิษย์ในสำนักเคยมาสอบถามเช่นกัน แต่ข้าไม่ได้บอกพวกเขา หงเฉิน ข้าฉลองวันคล้ายวันเกิดที่หอฉีลู่คนเดียวมาร้อยครั้ง บ่อยครั้งที่รู้สึกอ้างว้าง ดังนั้นข้าจึงคิดว่าอันที่จริงเขาก็ไม่เลว อย่างน้อยเวลาที่ข้าหลั่งน้ำตา เขาจะเอ่ยคำพูดปลอบโยน ไม่หันหลังจากไป ไม่ทำตัวไม่รู้สึกรู้สา”
เซี่ยหงเฉินโกรธเกรี้ยว “ดังนั้นเขาถึงได้กระทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้! ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าจิตใจเจ้าไม่บริสุทธิ์ แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะชั่วร้ายและโฉดเขลาถึงเพียงนี้!”
หวงหร่างไม่สนใจโทสะของเขา กลับคว้ามือเขามาแนบลงบนใบหน้าตนเองเบาๆ พลางพูดว่า “เซี่ยหงเฉิน ท่านเป็นบุรุษที่ใจดำที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมา ฟังท่านพูดเช่นนี้แล้วข้าอยากให้ลำไส้ของท่านขาดเป็นท่อน หัวใจปอดถูกฉีกทึ้งสักครั้งจริงๆ สักครั้งก็ยังดี”
เซี่ยหงเฉินตวาดถาม “เพราะเป็นเช่นนี้เจ้าจึงคิดจะแก้แค้นข้ารึ!”
“ไม่ใช่” หวงหร่างส่ายหน้าช้าๆ ครั้นนึกขึ้นได้ว่าเขามองไม่เห็น นางจึงพูดต่อ “ข้าทำเช่นนี้ออกจะใจร้อนเกินไปสักหน่อย ทว่าหากจะให้วางแผนอย่างรอบคอบทีละก้าว เกรงว่าข้าจะไม่มีเวลา” นางลูบเข็มใบชาโปร่งใสเล่มนั้น สัมผัสได้ถึงความเยียบเย็น จากนั้นก็ถอนหายใจ “ความจริงแล้วระหว่างท่านกับข้าไม่จำเป็นต้องเดินมาถึงก้าวนี้ ที่ข้าทำร้ายท่านเป็นเพราะข้ามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องกระทำ” ปลายนิ้วนางลูบไล้ผ่านใบหน้าเขาเบาๆ เลื่อนผ่านขอบหูไปถึงติ่งหู
เซี่ยหงเฉินหลบเลี่ยงด้วยความรังเกียจ เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าระหว่างหวงหร่างกับเซี่ยหยวนซูมีสัมพันธ์กันจริงหรือไม่
…คำพูดของหวงหร่างเมื่อครู่ทำลายการคาดเดาของเขาไป เขามิได้มั่นใจเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
หวงหร่างยิ้มพลางจับใบหน้าเขาให้หันมา เซี่ยหงเฉินพยายามอดทนกับความรู้สึกขุ่นเคือง “หวงหร่าง หากเจ้าปล่อยข้าตอนนี้ เรื่องราวยังคงแก้ไขได้ เรื่องนี้เจ้าไม่มีทางปกปิดไว้ได้นาน หากท่านอาจารย์ล่วงรู้เข้า ต่อให้เป็นข้าก็ไม่อาจปกป้องเจ้าได้!” จนถึงตอนนี้แล้วน้ำเสียงของเขาก็ยังไม่อ่อนลง
หวงหร่างกลับไม่ใส่ใจนัก นางพูดว่า “ท่านไม่มีทางปกป้องข้า ท่านมีแต่จะทำเพื่อชื่อเสียงของตนเอง กักขังข้าไว้ในหอฉีลู่เงียบๆ จากนั้นก็ประกาศกับภายนอกว่าข้าป่วยหนัก เก็บตัวพักรักษากาย หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ข้ามีชีวิตตามยถากรรม”
เซี่ยหงเฉินอึ้งงันไปเล็กน้อย นี่ก็คือความคิดในส่วนลึกของจิตใจเขา สตรีตรงหน้าผู้นี้แม้จะมีอุบายล้ำลึก แต่กลับปราดเปรื่องและกระจ่างแจ้งอย่างแท้จริง
…คำโกหกไม่มีประโยชน์ เป็นสามีภรรยากันมาร้อยกว่าปี นางรู้จักเขาดีเกินไป
หวงหร่างเก็บมือกลับมา ลุกขึ้นยืนแล้วจ้องมองบุรุษบนเตียงเงียบๆ
เซี่ยหงเฉินดวงตามองไม่เห็น จึงรู้สึกทำอะไรไม่ถูกคล้ายคนขาดที่พึ่ง หวงหร่างจับจ้องอยู่นาน “ท่านดูเถิด ต่อให้ข้าพูดไปมากมายเพียงนั้นก็ยังไม่ได้น้ำตาจากท่านสักหยด หงเฉิน ร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้ แม้กระทั่งน้ำตาหยดเดียวของท่าน หวงหร่างคนนี้ก็แลกมาไม่ได้”
นางเดินออกไปอย่างเศร้าซึม มองดูบันไดหยกพันขั้นของตำหนักเยี่ยอวิ๋น ประหนึ่งบันไดสวรรค์ที่เชื่อมระหว่างเซียนกับมนุษย์
เซี่ยหงเฉิน ชีวิตนี้ของข้าไม่มีค่าพอสำหรับความเสียใจสักเศษเสี้ยวของท่าน แต่ท่านทำเช่นนี้ทำให้คนไม่อยากยอมแพ้จริงๆ หากยังมีโอกาสข้าอยากจะยื่นมือไปปลิดหัวใจท่านเหลือเกิน มองดูสภาพเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็นของท่าน
ติดตามตอนต่อไปวันศุกร์ที่ 18 ก.ค. 68