บทที่ 11 จิตมารครอบงำ
เสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกตำหนักเยี่ยอวิ๋น ผู้ที่มามิใช่เซี่ยหยวนซู แต่เป็นหวงหร่าง
เซี่ยหงเฉินเห็นนางก็ขมวดคิ้วถามว่า “เจ้ามาทำอะไร”
วันนี้หวงหร่างทำลายข้อตกลงระหว่างพวกเขา…ปกตินางไม่เคยมาที่ยอดเขาเตี่ยนชุ่ย
ความจริงแล้วปีแรกของการแต่งงานหวงหร่างเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่มาเซี่ยหงเฉินจะวางตัวเย็นชายิ่ง เมื่อจำนวนครั้งที่มามากเข้า นางก็ได้รู้ว่าเซี่ยหงเฉินไม่ชอบ จึงไม่มาอีก
แต่วันนี้ในมือนางถือน้ำแกงหวานโถหนึ่ง “วันนี้ข้าพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูด ใคร่ครวญไปมาแล้วสุดท้ายยังคงรู้สึกไม่สบายใจ จึงออกไปเดินเล่นข้างนอก เดินไปถึงสำนักชั้นนอกเห็นเม็ดบัวตรงตีนเขาสดใหม่ยิ่งนัก จึงทำเม็ดบัวต้มน้ำตาลนี้มาให้ ทว่าข้าเดินช้า กว่าจะทำน้ำแกงหวานนี้เสร็จท้องฟ้าก็มืดแล้ว ไม่สะดวกจะให้ศิษย์ยกมาให้ท่าน” นางก้มหน้าลง ใบหน้านวลเนียนยังคงเจือรอยยิ้ม แต่กลับแฝงความน้อยใจอยู่หลายส่วน “ข้าถึงได้มาเอง”
ในความขัดเขินของคนงามแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เสี้ยวหนึ่ง แม้เป็นก้อนหินก็ต้องหวั่นไหว ทว่าเซี่ยหงเฉินกลับมีสีหน้าเย็นชา เขาเอ่ยขึ้น
“วางไว้แล้วกลับไปได้”
หวงหร่างเดินหน้าไปหลายก้าว วางน้ำแกงหวานลงบนโต๊ะเขา แต่พอนางเห็นหยกพกบนโต๊ะเขาแล้วก็อุทานออกมา
“หยกพกนี้มาอยู่กับท่านได้อย่างไร” นางถามเสียงเบา แต่กลับใช้โอกาสตอนที่เซี่ยหงเฉินจะตอบคำถาม ตักน้ำแกงหวานใส่ลงในชามเล็ก
เดิมทีเซี่ยหงเฉินสงสัยอยู่ในใจ พอได้ยินนางถามจึงอดถามกลับไปมิได้ “เช่นนั้นมันควรอยู่ที่ใด”
หวงหร่างยื่นน้ำแกงหวานให้เขา ใบหน้าเผยรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่ “วันนี้ข้าเดินไปถึงสำนักชั้นนอก เก็บหยกพกชิ้นนี้ได้แล้วแท้ๆ ข้าจำได้ว่าเป็นของประจำตัวของคุณชายใหญ่ จึงเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี กลัวว่าจะมีคนเก็บได้และนำไปก่อเรื่อง มิคาดคิดว่ามันจะมาอยู่กับท่าน”
เซี่ยหงเฉินไม่เชื่ออยู่แล้วว่านางจะมีสัมพันธ์กับเซี่ยหยวนซู บัดนี้คำพูดไม่กี่ประโยคของนางได้ชี้แจงสาเหตุที่นางออกไปข้างนอกเนิ่นนานและที่มาของหยกพกชิ้นนี้อย่างชัดเจน ความกังขาของเขาจึงสลายหายไป
เมื่ออารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยก็ได้กลิ่นหอมของน้ำแกงหวาน เขารับน้ำแกงหวานมาดื่มไปคำหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ช่างสะเพร่าจริงๆ ของประจำตัวหล่นหายไปยังไม่รู้เรื่องรู้ราว”
ความจริงแล้วอาหารที่หวงหร่างทำรสชาติถูกปากเขายิ่ง…ไม่ว่าผู้ใดหากถูกหวงหร่างศึกษามาร้อยกว่าปี นางย่อมอ่านออกจนทะลุปรุโปร่ง
จริงดังคาด เซี่ยหงเฉินรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ จึงดื่มน้ำแกงหวานอีกหลายคำ
“เอาล่ะ ข้าดื่มน้ำแกงแล้ว เจ้ากลับไปเถิด” เขาเอ่ยปากไล่นาง แต่น้ำเสียงกลับอ่อนลงไม่น้อย หวงหร่างรับคำแล้วโน้มกายลงเก็บชาม
ข้างนอกมีคนเข้ามาอีก เป็นเซี่ยหยวนซู
เดิมทีเซี่ยหงเฉินตั้งใจจะสั่งสอนอีกฝ่าย แต่บัดนี้ฟังคำอธิบายของหวงหร่างแล้ว โทสะของเขาก็จางหายไป เห็นเซี่ยหยวนซูเข้ามาจึงอดพูดมิได้
“หลายวันก่อนข้าได้ตำราเดินหมากที่ไม่ครบถ้วนมาเล่มหนึ่ง พี่ใหญ่เป็นยอดฝีมือในการเดินหมาก มิสู้พวกเรามาเดินหมากกันสักหน่อยเป็นอย่างไร”
เดิมทีเซี่ยหยวนซูมีความระแวงอยู่ในใจ ตอนเขาเข้ามา หากเซี่ยหงเฉินบันดาลโทสะ เช่นนั้นก็แล้วไปเถิด แสดงให้เห็นว่าเซี่ยหงเฉินแค่ต้องการสั่งสอนเขายกหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าหากเซี่ยหงเฉินปั้นหน้ายิ้มแย้ม เกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดจะปล่อยให้เขารอดชีวิตกลับไปแน่นอน
ดังนั้นเซี่ยหยวนซูจึงกัดฟันแน่นแล้วตอบว่า “ดียิ่ง”
เซี่ยหงเฉินผายมือเชื้อเชิญ “เชิญพี่ใหญ่”
ตอนเซี่ยหยวนซูเดินผ่านข้างกายเซี่ยหงเฉินกลับลอบจู่โจมกะทันหัน เซี่ยหงเฉินตกตะลึง ยื่นมือไปสกัดไว้ ขณะกำลังจะซักถามให้ละเอียดก็รู้สึกว่าอวัยวะภายในเจ็บปวดอย่างรุนแรง! เซี่ยหยวนซูตั้งใจจะเอาชีวิตเขา แต่ละกระบวนท่าล้วนจู่โจมไปที่จุดสำคัญ
เซี่ยหงเฉินมึนงง แต่ไม่มีเวลาให้เขาคิดมาก เขาต้องจัดการกับเซี่ยหยวนซูก่อน
พลังวัตรของเซี่ยหยวนซูทนต่อการโจมตีมิได้จริงๆ
แม้เซี่ยหงเฉินจะถูกพิษร้ายแรงก็ยังกำราบอีกฝ่ายได้ในห้าสิบกระบวนท่า แต่ตอนนี้เขายังสังหารเซี่ยหยวนซูไม่ได้ อย่างไรเสียเซี่ยหยวนซูก็เป็นบุตรชายแท้ๆ ของเซี่ยหลิงปี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถามต้นสายปลายเหตุให้ชัดเจนก่อน ดังนั้นเซี่ยหงเฉินจึงซัดฝ่ามือใส่จนอีกฝ่ายกระเด็นไปกระแทกมุมห้อง จากนั้นก็หันไปมองหวงหร่าง
“เจ้าวางยาพิษในน้ำแกงหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
หวงหร่างตอบด้วยสีหน้าลนลาน “ไม่ ข้าไม่ได้ทำ!”