นางหันหลังไป มือขวาดึงเข็มใบชาเล่มนั้นออกมาแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ยามนี้นางกำเข็มใบชาแน่น ฝ่ามือเริ่มมีเหงื่อซึม จากนั้นก็แสร้งทำเป็นจะวิ่งหนี แต่เซี่ยหงเฉินคว้าข้อมือนางไว้แล้วกระชากนางมาข้างหลัง หวงหร่างลงมือทันที ของแหลมคมในมือนางวาดไปที่ดวงตาเขา
หลังเซี่ยหงเฉินถูกพิษ การตอบสนองก็ช้าลง อีกทั้งเขามิได้ระมัดระวังหวงหร่าง…หวงหร่างเป็นเพียงภูตดินตัวเล็กๆ เท่านั้น ไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ ส่วนพลังวัตรอันน้อยนิดนั่น ยามอยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่ต้องพูดถึง
อีกทั้งเขามิอาจเชื่อได้ว่าหวงหร่างจะลงมือกับเขา
เป็นสามีภรรยากันมาร้อยกว่าปี…ความจริงเขารู้ว่า…หวงหร่างชมชอบเขา
หลังจากนั้นความเจ็บแปลบอย่างรุนแรงก็ถ่ายทอดเข้ามา แสงสว่างในดวงตาของเขาพลันหายไป
ภาพสุดท้ายเขามองเห็นเข็มใบชาที่เกือบจะโปร่งใสเล่มหนึ่งในมือหวงหร่าง
ของสิ่งนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
หัวใจรู้สึกว่างโหวงขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งเพราะการจู่โจมของคนผู้นี้ เขาลืมกระบวนท่าและเคล็ดวิชาฝึกจิตพวกนั้นไปในทันใด เขาพลาดโอกาสในการสังหารหวงหร่างให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวไปแล้ว
เป็นไปได้อย่างไร…
ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งเค่อนางยังแย้มยิ้มยกน้ำแกงหวานมาให้เขา เวลาร้อยกว่าปีนางอยู่ในหอฉีลู่มาโดยตลอด กล่าวได้ว่าสงบเสงี่ยมเจียมตน เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้
เซี่ยหงเฉินมีเรื่องราวมากมายที่ขบคิดแล้วไม่เข้าใจ เขาถอยหลังช้าๆ เซี่ยหยวนซูที่อยู่ตรงมุมห้องซัดฝ่ามือใส่เขาทันใด เขากระอักโลหิตออกมาในที่สุด ร่างโอนเอนเหมือนจะล้มลง เซี่ยหยวนซูกำลังจะลงมือปลิดชีพเขาอย่างโหดเหี้ยม ทว่าหวงหร่างกลับห้ามไว้
“ซูหลาง โปรดหยุดก่อน เก็บคนผู้นี้ไว้ วันหน้ายังมีประโยชน์”
เซี่ยหงเฉินได้ยินคำเรียกขานนี้แล้วก็กระอักโลหิตออกมาอีก ความโมโหมีแต่จะกระตุ้นฤทธิ์ยาในร่างเขา ทว่าก็อดตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดไม่ได้
“เจ้ากับเขา…เจ้ากับเขา…เป็นความจริงหรือ…”
เซี่ยหยวนซูซัดฝ่ามือออกไปอีกที เซี่ยหงเฉินหลบไม่ทัน ในที่สุดก็ถูกฝ่ามือโจมตีเข้าที่แผ่นหลัง บาดแผลและยาพิษถ่ายทอดความเจ็บปวดออกมาพร้อมกัน เขาหมดสติไปในที่สุด เซี่ยหยวนซูยังคงไม่วางใจจึงก้าวเข้าไปดู เห็นเขาสลบไปแล้วก็ถามขึ้น
“จะเก็บเขาเอาไว้เพื่ออันใด คนผู้นี้หากไม่กำจัดทิ้ง ข้ายากจะวางใจได้”
เจ้าคนโง่เขลา หากสังหารเขาแล้ว อาศัยแค่เจ้าจะช่วยข้าต่อกรกับเซี่ยหลิงปี้ได้อย่างไร หวงหร่างจึงอธิบายอย่างใจเย็น
“พลังวัตรของเขาล้ำลึก ไยซูหลางถึงไม่นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์เล่า สังหารเขาไปเช่นนี้น่าเสียดายยิ่ง”
เซี่ยหยวนซูดวงตาเป็นประกาย สีหน้าท่าทางเผยความโลภออกมา “ยังคงเป็นอาหร่างของข้าที่เฉลียวฉลาด!”
เขากล่าวพลางล้วงโซ่เหล็กสีดำออกจากเอว เป็นเทพศัสตราวุธที่โด่งดังของสำนักเซียน…ขังแปดทิศ เขาล่ามเซี่ยหงเฉินไว้
“หากจะดึงเอาพลังวัตรของเขา ข้ายังต้องเตรียมพร้อมเสียก่อน เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีกสองวัน”
“ข้าจะรั้งอยู่ที่ตำหนักเยี่ยอวิ๋น แม้ปกติข้าจะไม่มาที่นี่ แต่ถึงอย่างไรข้ากับเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ข้าอยู่ที่นี่ย่อมไม่มีใครเข้ามาดู” หวงหร่างปลอบโยนเขา
เซี่ยหยวนซูวางใจ “อาหร่าง เจ้าช่างสมเป็นภรรยาของข้าโดยแท้ เช่นนั้นเจ้าเฝ้าเขาไว้ก่อน ขังแปดทิศนี้ห้ามเปิดออกเป็นอันขาด หาไม่แล้วเกรงว่าเจ้าจะรับมือไม่ไหว”
หวงหร่างพยักหน้า ไปส่งเขาที่หน้าประตูตำหนัก จากนั้นก็กำชับอย่างไม่สบายใจ “ซูหลาง ท่านต้องรีบกลับมา”
เซี่ยหยวนซูร้อนใจยิ่งกว่านาง ไฉนเลยจะต้องให้นางกำชับ เขารับคำและออกจากตำหนักเยี่ยอวิ๋นไปอย่างเร่งรีบ
รอจนเขาจากไปแล้ว หวงหร่างก็เดินช้าๆ ไปตรงหน้าเซี่ยหงเฉิน
พิษร้ายแรงในร่างเซี่ยหงเฉินกำเริบอย่างรุนแรงแล้ว แต่ด้วยพลังวัตรของเขา ทำให้ร่างกายสามารถรักษาพิษส่วนใหญ่ในใต้หล้านี้ได้ เขาแค่ต้องการเวลา หวงหร่างประคองเขาขึ้นมาแล้วพยุงไปที่เตียง
หวงหร่างไม่คุ้นเคยกับเตียงในตำหนักเยี่ยอวิ๋นของเขา แม้จะแต่งงานกันมาร้อยกว่าปี แต่นางไม่เคยค้างคืนที่นี่สักครั้ง
นางยกน้ำมาช่วยเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าเขาออก
บาดแผลที่ดวงตาของเขารุนแรงทีเดียว เข็มใบชาเล่มนั้นไม่รู้ทำจากสิ่งใด คมปลาบไร้เทียบเทียม ด้วยอาการบาดเจ็บเช่นนี้เกรงว่าสองตาของเขาคงไม่มีวันหายดีอีกแล้ว หวงหร่างเฝ้าอยู่ข้างกายเขา หาแถบผ้าสีขาวมาพันดวงตาทั้งสองข้างให้
เลือดของเขาซึมทะลุแถบผ้า แม้เขายังสลบไสลอยู่ แต่สีหน้ากลับดูอดกลั้นต่อความเจ็บปวด