ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 13-14
ยอดเขาเตี่ยนชุ่ย ตำหนักเยี่ยอวิ๋น
เซี่ยหงเฉินไม่ปรากฏตัวหนึ่งวันเต็ม ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่นับว่าแปลก เพราะบางครั้งยามเก็บตัวไม่ปรากฏตัวหนึ่งเดือนก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทว่าหวงหร่างอยู่ในตำหนักเยี่ยอวิ๋นตลอดเวลา เรื่องนี้กลับแปลกเสียแล้ว
เซี่ยหงเฉินมิใช่คนที่หลงใหลคนงามอย่างเด็ดขาด หวงหร่างใช้ข้ออ้างเรื่องวันคล้ายวันเกิด จึงสามารถยื้อเวลาได้หนึ่งวันหนึ่งคืน แต่ถึงอย่างไรก็มิอาจยื้อจนผ่านพ้นวันที่สองไปได้ เซี่ยหงเฉินกำลังรอคอยอยู่เช่นกัน หวงหร่างพลังวัตรอ่อนด้อย หากมีคนสังเกตเห็นความผิดปกติ เขาย่อมได้รับความช่วยเหลือทันที
ดวงตาเขามองไม่เห็น สองมือก็ถูกขังแปดทิศพันธนาการไว้ พิษร้ายในร่างกายและอาการบาดเจ็บทรมานเขาอยู่ทุกชั่วขณะ ทว่าสิ่งเหล่านี้เขาล้วนอดทนได้ เพียงแต่หลายครั้งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้วเกิดความหวังขึ้นมา จากนั้นก็จะได้ยินหวงหร่างไล่คนที่มากลับไปอย่างสุภาพ ความหวังจึงกลายเป็นความผิดหวัง อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เช่นนี้ทรมานจิตใจคนเกินไปแล้ว
วันต่อมาเมื่อท้องฟ้าสว่างหวงหร่างค้นหาในห้องเขาจนทั่ว จากนั้นนางก็พบเครื่องมือลงทัณฑ์ขั้นสูงสุดของสำนักเซียนอวี้หู…เข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูก ของสิ่งนี้หวงหร่างคุ้นเคยอย่างยิ่ง
พอได้ของมาแล้ว หวงหร่างก็ไปหาหนึ่งในศิษย์ที่ทำหน้าที่เฝ้าตำหนักเยี่ยอวิ๋น…เนี่ยชิงหลัน เขาเป็นศิษย์คนโตของเซี่ยหงเฉิน สนิทสนมกับเซี่ยหงเฉินมากที่สุด หวงหร่างพูดขึ้น
“ประมุขสำนักเรียกตัวจิ่วเอ๋อร์มาพบ บอกว่าจะทดสอบความรู้ของนาง เจ้าไปตามนางมาที”
ยามที่นางพูดน้ำเสียงนุ่มนวลยิ่ง ยิ้มพลางยื่นหยกพกชิ้นหนึ่งที่ห้อยกิเลนหยกขาวให้เนี่ยชิงหลัน
สำนักเซียนอวี้หูบูชาหยก เนี่ยชิงหลันเห็นหยกพกชิ้นนี้ก็รู้ว่าอาจารย์หญิงมอบให้เขา จึงปลื้มปีติอย่างยิ่ง ยังจะคิดถึงประมุขสำนักอยู่อีกหรือ!
เขาจึงไปหาเซี่ยจิ่วเอ๋อร์อย่างกระตือรือร้น
เซี่ยเซ่าชงและคนอื่นๆ ไม่เห็นเซี่ยหงเฉินย่อมรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ทว่าเห็นเขาเรียกเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ไปพบก็รู้สึกว่าปกติแล้ว เซี่ยจิ่วเอ๋อร์เป็นบุตรสาวบุญธรรมของเขา แต่เซี่ยหงเฉินใจกว้าง ปฏิบัติต่อนางมิแตกต่างจากบุตรสาวแท้ๆ ของตนเอง
หากหวงหร่างอยู่ในตำหนักเยี่ยอวิ๋นตามลำพัง บางทีอาจทำให้ผู้คนกังขา แต่มีบุตรสาวบุญธรรมของพวกเขาอยู่ด้วย สามคนปิดประตูอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง สัมผัสกับความสุขภายในครอบครัว ผู้อื่นจะว่าอะไรได้
พอเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ได้ยินว่าเซี่ยหงเฉินเรียกนางไปพบก็รีบรุดไปยังตำหนักเยี่ยอวิ๋นทันที
“บิดาบุญธรรม?” นางร้องเรียก
เวลานี้เองเสียงของหวงหร่างก็ดังออกมาจากในตำหนัก “จิ่วเอ๋อร์หรือ เข้ามาเถิด”
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ได้ยินเสียงนาง เดิมทีก็ลังเลอยู่บ้าง แต่อยู่ต่อหน้าเซี่ยหงเฉิน นางต้องแสดงความเคารพนบนอบหวงหร่าง…เซี่ยหงเฉินไม่ชอบเด็กที่ไม่เคารพผู้ใหญ่
“เจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน
ไม่ อย่าเข้ามา!
แม้เซี่ยหงเฉินจะมองไม่เห็น แต่เขารู้ว่าด้วยฝีมือของหวงหร่าง จะจัดการกับเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ช่างง่ายดายอย่างยิ่ง เขาพยายามสุดกำลังที่จะทำให้เกิดเสียง ดังนั้นจึงพลิกตัวกลิ้งตกจากเตียงลงมาบนพื้นเสียงดัง
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ได้ยินเสียงนี้แล้วก็ยิ่งร้อนใจ นางเลิกม่านเข้าไป จากนั้นก็เห็นเซี่ยหงเฉินนอนอยู่บนพื้น
“บิดาบุญธรรม!” นางรีบถลาเข้าไป คิดจะประคองเซี่ยหงเฉินขึ้นมา แต่เพิ่งจะยื่นมือไป หวงหร่างก็ซัดฝ่ามือใส่แผ่นหลังนาง
หากพูดถึงการต่อสู้ ความจริงแล้วเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ไม่กลัวหวงหร่าง
ทว่าฝ่ามือที่ลอบโจมตีนี้พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน นางมิได้ระแวดระวังโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นก็รู้สึกหน้ามืด ขณะกำลังจะต่อต้าน นางหันกลับไปและเห็นสิ่งที่หวงหร่างถือจ่ออยู่ตรงหน้าผากนาง…เข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูก
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ไม่กล้าขยับอีก ในฐานะศิษย์ชั้นในของสำนักเซียนอวี้หู นางรู้ดีกว่าใครว่านี่คืออะไร
หวงหร่างมองเข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูก จากนั้นก็มองเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ตรงหน้า พึมพำว่า “จิ่วเอ๋อร์ ข้ายังคงโหดเหี้ยมไม่พอ” กล่าวจบนางก็คลี่ยิ้ม “เจ้านั่งลงตรงนี้เถิด”
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์พยายามทำตัวนิ่งสงบ “ท่านทำอะไรบิดาบุญธรรมกันแน่ ท่านรู้หรือไม่ว่าแค่เพียงข้าตะโกนออกไปก็จะมีคนบุกเข้ามาทันที ท่านจะต้องถูกพวกเขาสับเป็นหมื่นชิ้น!”
หวงหร่างใช้เข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูกแตะใบหน้านาง เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด นางหลบอย่างลนลาน น้ำเสียงของหวงหร่างยังคงเมตตาอ่อนโยน
“เจ้าไม่ตะโกนแน่นอน เพราะต่อให้เสียงตะโกนของเจ้าสามารถเรียกคนอื่นๆ เข้ามาได้ เข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูกเล่มนี้ก็จะปักเข้าไปในกะโหลกของเจ้า ถึงเวลานั้นต่อให้ข้าตาย แต่ใครเล่าจะช่วยเจ้าได้”
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน นางได้แต่ร้องเรียกทั้งน้ำตา “บิดาบุญธรรม ช่วยข้าด้วย”
เซี่ยหงเฉินเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “เจ้าอย่าขู่เด็ก”
หวงหร่างพูดทั้งรอยยิ้ม “ข้ามิได้อยากทำร้ายนาง ท่านก็รู้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของพวกเรา”
“พอที!” เซี่ยหงเฉินรู้ว่ามิอาจใช้ถ้อยคำโน้มน้าวนางได้อีก จึงเอ่ยอย่างรังเกียจ “คำพูดนี้ช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก”
การที่หวงหร่างยอมรับว่าตนมีสัมพันธ์กับเซี่ยหยวนซู ท้ายที่สุดแล้วก็ทำให้เขาโกรธแค้น
“ท่านโกรธแล้ว” หวงหร่างยิ้มอย่างอ่อนโยนดุจสายลมแผ่วเบา “ยากนักที่ครอบครัวของพวกเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้า ไยท่านต้องโมโหเล่า”
“เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ” เซี่ยหงเฉินไม่สนใจนางอีก
นอกตำหนักมีศิษย์กำลังกวาดพื้น แต่ในตำหนักเนื่องจากครอบครัวของประมุขสำนักสามคนล้วนอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า พวกเขาจึงไม่มีทางเข้ามา
ชั่วขณะนี้เซี่ยหงเฉินหวังอย่างยิ่งว่าศิษย์ข้างนอกจะเข้ามาดูสักหน่อย ทว่าพวกเขาก็มิได้เข้ามา หวงหร่างจ่อเข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูกที่หลังศีรษะของเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ เอ่ยเสียงอ่อนโยน
“เด็กดี พูดตามข้า…คำสอนของบิดาบุญธรรม จิ่วเอ๋อร์ทราบแล้วเจ้าค่ะ” เสียงของหวงหร่างเบายิ่ง แต่กลับกดเข็มลงบนหนังศีรษะของเซี่ยจิ่วเอ๋อร์อย่างหนัก “เสียงต้องดังสักหน่อย”
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์จนปัญญา ได้แต่พูดเสียงดัง “คำสอนของบิดาบุญธรรม จิ่วเอ๋อร์ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
ศิษย์ข้างนอกได้ยินเสียงเช่นนี้จากข้างใน ไฉนเลยจะยังสงสัยอะไรอีก
เป็นเวลาสองวันสองคืนที่ไม่มีผู้ใดก้าวเข้าไปดูในตำหนักเยี่ยอวิ๋น
เซี่ยหงเฉินรู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่ง
Comments
