บทที่ 14 ลอบทำร้าย
ตอนเซี่ยหยวนซูกลับสำนักเซียนอวี้หู หัวใจก็กระดอนขึ้นมาอยู่ในลำคอ
เขามองซ้ายมองขวา เห็นใครก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายล่วงรู้แผนการชั่วร้ายของตนแล้ว แต่เคราะห์ดีที่เขามีนิสัยโอหังมาแต่ไหนแต่ไร ศิษย์ในสำนักจึงมิกล้าล่วงเกิน เขาเข้าสู่สำนักชั้นในอย่างราบรื่นตลอดทาง จนกระทั่งถึงยอดเขาเตี่ยนชุ่ย
ศิษย์เฝ้าตำหนักยังคงซักถามตามระเบียบ เนี่ยชิงหลันก้าวออกไปแล้วถามว่า “เหตุใดวันนี้ท่านอาจารย์ลุงใหญ่ถึงมีเวลาว่างมาที่นี่ได้ขอรับ”
เซี่ยหยวนซูมีพิรุธอยู่ในใจ จึงตวาดกลับไปทันใด “สองวันก่อนประมุขสำนักสั่งให้ข้าออกไปทำธุระ บัดนี้ข้ามารายงานผล ต้องให้เจ้ามายุ่งด้วยหรือ!”
เนี่ยชิงหลันขบคิดดูแล้วก็คล้อยตาม เขาตอบว่า “ท่านอาจารย์ลุงใหญ่โปรดรอสักครู่ ขอให้ข้าเข้าไปรายงานก่อน”
เซี่ยหยวนซูอยากจะห้ามเขา แต่นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เนี่ยชิงหลันเข้าไปในตำหนักเยี่ยอวิ๋นก็พบหวงหร่างกับเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ออกมาพอดี ใบหน้าของเซี่ยจิ่วเอ๋อร์เต็มไปด้วยคราบน้ำตา มองเนี่ยชิงหลันคล้ายอยากจะพูดบางอย่าง
หวงหร่างโอบบุตรสาวบุญธรรมของตน เห็นเนี่ยชิงหลันแล้วก็อดยิ้มพลางพูดมิได้ “เจ้าเด็กคนนี้ สองวันนี้ความรู้ถดถอย ถูกอาจารย์เจ้าตำหนิไม่กี่คำก็ร้องไห้จนเป็นเช่นนี้”
เนี่ยชิงหลันฟังแล้วได้แต่ยิ้มอย่างจืดเจื่อน คิดในใจว่าเจ้าทำให้ท่านอาจารย์โมโหเอง ข้าไม่กล้าช่วยเจ้า จากนั้นก็พูดไปตามสถานการณ์ “ศิษย์น้องหญิงเล็กตั้งใจมากแล้ว เป็นท่านอาจารย์ที่เข้มงวดเกินไป ใช่แล้ว ท่านอาจารย์ลุงใหญ่มาขอพบที่นอกตำหนักขอรับ”
หวงหร่างถาม “เขามาได้อย่างไร เอาเถิด เรียกเขาเข้ามา”
เนี่ยชิงหลันฟังคำพูดนี้แล้วย่อมไม่มีความลังเลอีก เดินออกไปนอกตำหนักทันที เซี่ยจิ่วเอ๋อร์เห็นเขาจะจากไปก็อดร้องเรียกด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยมิได้
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
ทว่าพอเนี่ยชิงหลันหันกลับมา นางกลับไม่กล้าพูดอะไร
…มือของหวงหร่างกำเข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูกกดอยู่หลังคอนาง นางรู้ว่าหากหวงหร่างออกแรงมากขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ความช่วยเหลืออยู่ตรงหน้า ด้วยวิชายุทธ์ของเนี่ยชิงหลันจะต้องรับมือกับเซี่ยหยวนซูรวมถึงหวงหร่างได้แน่นอน แต่หวงหร่างพูดถูก…ต่อให้พวกเขาได้รับความช่วยเหลือ ใครเล่าจะช่วยนางที่ถูกเข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูกแทงได้
นางก้มหน้าลง ใบหน้าของหวงหร่างยังคงเมตตาอารี น้ำเสียงที่พูดถึงขั้นแฝงความรักใคร่ตามใจ “เจ้าทำให้เขาโมโห ศิษย์พี่ใหญ่จะมีหนทางอะไรเล่า ประเดี๋ยวอาจารย์ลุงใหญ่มา เจ้าเข้าไปทำตัวว่าง่ายสักหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว”
เนี่ยชิงหลันฟังดังนั้นก็เอ่ยว่า “ท่านอาจารย์หญิงกล่าวถูกต้อง ท่านอาจารย์เอ็นดูศิษย์น้องหญิงเล็กเสมอมา ไม่มีทางตำหนิศิษย์น้องหญิงเล็กต่อหน้าท่านอาจารย์ลุงใหญ่แน่นอน”
กล่าวจบเขาก็เดินออกจากตำหนักเยี่ยอวิ๋นไปเชิญเซี่ยหยวนซู
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์มองแผ่นหลังของเขา เห็นเขาหายลับไปท่ามกลางสนเขียว คล้ายความหวังของนางดับสูญ
“เช่นนี้จึงจะถูกต้อง เช่นนี้จึงจะเรียกว่าเด็กดี” หวงหร่างพานางกลับเข้าไปในตำหนัก ดวงตาของเซี่ยหงเฉินมีโลหิตซึมออกมาอีกครั้ง ย้อมแถบผ้าสีขาวจนแดงฉาน หวงหร่างเห็นแล้วก็เอ่ยว่า “บอกท่านแล้วว่าอย่าขยับตัวส่งเดช หาไม่แล้วเลือดย่อมไม่หยุดไหล”
เซี่ยหงเฉินพูดเสียงขุ่นเคือง “เรื่องมาถึงบัดนี้แล้ว ไยเจ้ายังต้องเสแสร้งแกล้งทำอีก”
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดตอนนี้หวงหร่างยังจะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเขา เหมือนอย่างที่เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดนิสัยของนางถึงเปลี่ยนไปกะทันหัน
หวงหร่างยังคงจับตัวเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ไว้ นางปล่อยมือไม่ได้ จึงได้แต่ตอบว่า “ข้าเคยชินเสียแล้ว”
เวลาร้อยกว่าปียาวนานเกินไป เรื่องหลายอย่างล้วนกลายเป็นความเคยชิน
ครู่ต่อมาเซี่ยหยวนซูก็ก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาข้างใน
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์เห็นเขาแล้วก็เหมือนเข้าใจบางสิ่งบางอย่างโดยพลัน “เป็นพวกท่านจริงๆ! ท่านเป็นชู้กับท่านอาจารย์ลุงใหญ่จริงๆ!”
พอนางพูดจบ เท้าของเซี่ยหยวนซูก็ถีบเข้าให้ เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ร้องออกมา ถูกถีบจนล้มลงกับพื้นทันใด