ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 13-14
“นางคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ถึงกับกล้าพูดเช่นนี้กับอาหร่าง!” เซี่ยหยวนซูเดินไปยังข้างกายหวงหร่าง เห็นนางเฝ้าตำหนักเยี่ยอวิ๋นไว้จริงๆ ก็ปลื้มปีติเกินเปรียบปาน เขากุมมือหวงหร่างไว้ เป่าเล็กน้อยพลางพูดว่า “สองวันนี้ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ ดูอาหร่างของข้าเถิด เหน็ดเหนื่อยจนผ่ายผอมลงแล้ว คงวิตกกังวลแย่แล้วกระมัง”
น้ำเสียงใกล้ชิดเช่นนี้ เซี่ยหงเฉินฟังแล้วเส้นเลือดเขียวบนหน้าผากกระตุก
หวงหร่างดึงมือออก นางไม่มีของวิเศษติดตัว ทำให้การคุมตัวเซี่ยจิ่วเอ๋อร์คนเดียวเปลืองแรงยิ่งนัก นางจึงเอ่ยขึ้น
“คุมตัวนางไว้ก่อน เรื่องจะได้ไม่แพร่งพรายออกไป”
เซี่ยหยวนซูไม่เห็นด้วย “เด็กเนรคุณพรรค์นี้ สังหารเสียก็สิ้นเรื่อง จะคุมตัวนางไว้เพื่ออันใด”
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็ลนลาน “ข้าเนรคุณตรงที่ใด เห็นได้ชัดว่าคนที่เนรคุณคือพวกเจ้าชายหญิงสุนัขคู่นี้ต่างหาก! บิดาบุญธรรม บิดาบุญธรรม ช่วยข้าด้วย!”
นางกำลังจะคลานไปหาเซี่ยหงเฉิน เซี่ยหยวนซูก็ก้าวเข้าไปถีบอีกคราจนนางกลิ้งไปทั่วห้อง “นางเด็กชั้นต่ำ แรกเริ่มเจ้าก็แค่หนอนแมลงตัวหนึ่ง หากมิใช่อาหร่างของข้าจิตใจงดงาม เจ้าจะมีวันนี้รึ! ตอนนั้นเจ้าลอบเรียนรู้วิชาฝึกจิต ฝึกบำเพ็ญจนเกิดความผิดพลาด เป็นอาหร่างที่พาเจ้ามาขอความช่วยเหลือจากข้า หาไม่แล้วเจ้ายังจะมีชีวิตอยู่หรือ!”
จิ่วเอ๋อร์ลอบเรียนรู้วิชาฝึกจิต ฝึกบำเพ็ญจนเกิดความผิดพลาดหรือ นี่เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อใด
เซี่ยหงเฉินงุนงงไปหมด ในความทรงจำหวงหร่างไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเขามาก่อน
เพื่อระบายโทสะแทนหวงหร่าง เซี่ยหยวนซูจึงใช้เท้าเหยียบลงบนมือของเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ “ตอนนี้เจ้ากลับเข้าข้างบิดาไม่แท้ของเจ้าผู้นั้น”
“พอเถิด” หวงหร่างเอ่ยเสียงนุ่มนวล “ซูหลาง อย่าปล่อยให้เด็กคนหนึ่งมาทำให้เสียการใหญ่ คุมตัวนางไว้ก่อนเถิด”
ความจริงแล้วตอนนั้นแม้เซี่ยหงเฉินจะยอมรับเซี่ยจิ่วเอ๋อร์เป็นบุตรสาวบุญธรรม แต่ในใจเขารู้ดีว่านางเป็นเพียงเครื่องมือที่หวงหร่างใช้กอบกู้ฐานะตนเองเท่านั้น เขาจึงมิได้ใส่ใจเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ แรกเริ่มถึงขั้นคิดจะให้นางรั้งอยู่ที่หอฉีลู่เป็นเพื่อนหวงหร่าง
แต่หวงหร่างคิดหาวิธีมากมาย หลอมร่างขึ้นมาให้เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ สมัยที่หวงหร่างยังเยาว์วัยเชี่ยวชาญการปรับปรุงเมล็ดพันธุ์จำหน่าย จึงสะสมทรัพย์สินส่วนตัวได้มากมาย ด้วยเหตุนี้นางจึงใช้สินเดิมเจ้าสาวของตนบ่มเพาะเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ด้วยยาลูกกลอนวิเศษและหญ้าเซียนสารพัดจนกลายเป็นต้นกล้าที่ดี
เซี่ยหงเฉินเห็นเซี่ยจิ่วเอ๋อร์มีพื้นฐานแข็งแกร่งย่อมรักถนอมเป็นธรรมดา เพียงแต่ยังคงไม่ชอบที่นางใกล้ชิดกับหวงหร่างมากเกินไป เซี่ยจิ่วเอ๋อร์เองก็รู้จักอ่านสีหน้าฟังน้ำเสียง จึงหันไปพึ่งพิงบิดาบุญธรรม อยากจะตัดสัมพันธ์กับหวงหร่างใจจะขาด หวงหร่างเห็นนางคิดเช่นนี้ หัวใจก็เริ่มด้านชา ตนเองร่างกายยังมีโคลน ย่อมมิอาจไปเรียกร้องให้ผู้อื่นสะอาดบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงมิได้โกรธแค้นมากนัก ปล่อยวางได้เช่นนี้เอง
บัดนี้เป็นเพราะเซี่ยหยวนซูพูดถึง เซี่ยหงเฉินจึงจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าอันที่จริงตอนแรกหวงหร่างกับเซี่ยจิ่วเอ๋อร์เคยมีความผูกพันฉันแม่ลูกอยู่ช่วงหนึ่ง
ทว่าความคิดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น เขาเอ่ยเสียงเย็นชาต่อทันที “หากมิใช่เพราะเด็กคนนี้เติบโตอยู่ข้างกายเจ้ามาตั้งแต่เล็ก ความคิดจิตใจย่อมบริสุทธิ์กว่านี้มาก”
หวงหร่างไม่รู้สึกอะไรกับการทรยศและจากไปของเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ แต่ฟังคำพูดนี้แล้วกลับเงียบไปเนิ่นนาน สุดท้ายนางก็เอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นหรือ คำพูดนี้ฟังแล้วทำให้คนรู้สึกเสียใจจริงๆ”
แน่นอนว่าคำว่าเสียใจที่นางพูด เซี่ยหงเฉินไม่เคยเชื่ออยู่แล้ว ทั้งยังมิได้ใส่ใจ
หวงหร่างเองก็ไม่ได้คิดจะทำให้เขาเชื่อ นางเอ่ยกับเซี่ยหยวนซูว่า “ซูหลาง นำของวิเศษกลับมาหรือไม่”
เซี่ยหยวนซูตอบรับ “ข้าจะทำให้อาหร่างผิดหวังได้อย่างไร”
กล่าวจบก็ล้วงของวิเศษที่มีรูปลักษณ์คล้ายร่มออกมา พอโยนไปข้างหน้า ร่มสีดำก็กางออก ครอบตัวเซี่ยหงเฉินไว้ เซี่ยหยวนซูกลัวเซี่ยจิ่วเอ๋อร์จะก่อปัญหา จึงโยนนางเข้าไปด้วย
หวงหร่างไม่ไว้ใจของวิเศษชิ้นนี้นัก…ของวิเศษของสำนักเซียนที่สามารถจัดการกับเซี่ยหงเฉินได้เกรงว่าคงมีไม่มาก
นางเตือนเขาว่า “ซูหลางต้องเตรียมพร้อมให้ดี หากของวิเศษใช้ไม่ได้ผลแล้วเขาหลุดออกมาได้จะรับมือลำบาก”
เซี่ยหยวนซูไม่ต้องให้นางเตือนก็หยิบของวิเศษมากมายออกมา แต่ละชิ้นล้วนเป็นของหายากทั้งสิ้น…หลายปีมานี้การเป็นผู้ควบคุมกิจการการค้าของสำนักเซียนอวี้หูของเขามิใช่งานที่เปล่าประโยชน์ หวงหร่างกวาดสายตาไปมอง นางรู้จักของหลายชิ้นในจำนวนนั้น จึงวางใจลงได้
เพื่อต่อกรกับเซี่ยหงเฉิน เซี่ยหยวนซูผู้นี้นับว่าเดิมพันหมดหน้าตักแล้ว
หวงหร่างเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย พิศมองร่มสีดำ เห็นร่มสีดำกางออกแล้วหมุนวนช้าๆ ต่อจากนั้นมันก็เหมือนเหล็กที่ถูกอัคคีหลอม ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง บนศีรษะของเซี่ยจิ่วเอ๋อร์เริ่มมีเหงื่อออก เซี่ยหงเฉินก็ส่งเสียงครางเบาๆ ทว่าขังแปดทิศบนมือเขากดพลังวัตรทั้งหมดของเขาไว้ ทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้าน
ร่มสีดำเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ปรากฏประกายสีทองดั่งน้ำที่สาดออกไป ปกคลุมเซี่ยหงเฉินและเซี่ยจิ่วเอ๋อร์ไว้ ท่ามกลางอาคมที่หมุนวนและแปรเปลี่ยนไปมา หวงหร่างมองเห็นชื่อของช่างหลอม…ตี้อีชิว
ตราประทับของเขาดั่งหงส์ฟ้อนมังกรเหิน แยกแยะได้ไม่ง่ายนัก แต่หวงหร่างยังคงจำได้ด้วยการมองเพียงคราเดียว
เป็นเขา ชื่อนี้มักทำให้นางรู้สึกสนิทสนมชิดใกล้เสมอ
เซี่ยหยวนซูเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เริ่มดูดพลังวัตรของเซี่ยหงเฉินผ่านข่ายอาคม เซี่ยหงเฉินนั่งขัดสมาธิบนเตียง ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้าน ผ่านไปครู่หนึ่งลำแสงกระจ่างใสดุจน้ำพุและจันทราก็พุ่งไปยังเซี่ยหยวนซู
หวงหร่างยืนอยู่ข้างเซี่ยหยวนซู เฝ้ารอคอยอย่างสงบ…แข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อยเถิด หาไม่แล้วเจ้าจะช่วยข้าต่อกรกับเซี่ยหลิงปี้ได้อย่างไร
Comments
