บทที่ 15 ที่พึ่งพิง
เซี่ยหยวนซูใช้เวลาถึงสองชั่วยาม ในที่สุดก็ดูดพลังวัตรของเซี่ยหงเฉินจนเสร็จสิ้น
เขานั่งขัดสมาธิบนพื้น เริ่มโคจรและดูดพลังอันแข็งแกร่งนี้ ส่วนพิษที่หลงเหลืออยู่ในร่างของเซี่ยหงเฉินยังมิได้สลายหายไปโดยสมบูรณ์ บัดนี้เมื่อขาดกำลังภายในประคับประคอง เซี่ยหงเฉินจึงอ่อนแอยิ่งนัก
หวงหร่างเก็บร่มที่ตี้อีชิวเป็นคนหลอมไปวางไว้ด้านข้าง มองดูเซี่ยหงเฉินบนเตียงแล้วนางก็ไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาหมายจะเช็ดหน้าให้เขา แต่แน่นอนว่าถูกเซี่ยหงเฉินปัดออก
เซี่ยหยวนซูเห็นดังนั้นก็เอ่ยว่า “อาหร่าง เจ้ายังจะสนใจเขาไปเพื่ออันใด มิใช่ว่ามาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังตัดเขาไม่ขาดกระมัง”
หวงหร่างถอนหายใจ ถ้อยคำแฝงความเศร้า “ถึงอย่างไรข้ากับเขาก็เป็นสามีภรรยากันมาร้อยกว่าปี”
เซี่ยหงเฉินเบือนหน้าหนี พูดเสียดสีว่า “นิสัยชอบเล่นละครของเจ้า ไม่ว่าเวลาใดล้วนไม่ละทิ้งจริงๆ”
หวงหร่างมิได้โต้ตอบ กลับพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ข้ารู้ว่าท่านโมโห ท่านจะพูดอย่างไรข้าล้วนไม่ถือสา”
เซี่ยหยวนซูยิ่งรู้สึกว่าหวงหร่างเป็นคนอ่อนโยน มือหนึ่งของเขาจึงดึงนางมาพลางพูดว่า “บัดนี้เขาไม่แตกต่างจากเศษสวะ หากเจ้าโกรธข้าจะสังหารเขาเสีย ระบายโทสะให้เจ้า”
หวงหร่างไม่อยากสังหารเซี่ยหงเฉิน
จะว่าไปแล้วความฝันนี้ประหลาดยิ่งนัก นางไม่รู้ว่ามีแผนการใดซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ ทั้งยังไม่เชื่อในลิขิตสวรรค์อะไรนั่นอยู่แล้ว แต่ถ้าหากมีคนตายอยู่ในความฝันนี้ หลังตื่นขึ้นมาเขาจะตายไปด้วยหรือไม่
ความจริงแล้วระหว่างเซี่ยหงเฉินกับนางมิอาจกล่าวได้ว่ามีความแค้นใหญ่หลวงต่อกัน หากเพียงเพราะตนปล่อยวางไม่ได้ก็คิดจะเอาชีวิตผู้อื่น ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเหตุผลนัก
ดังนั้นนางจึงตอบว่า “ในเมื่อเขาไม่เป็นภัยแล้ว ไยซูหลางถึงไม่ละเว้นชีวิตเขาเล่า”
เซี่ยหยวนซูหัวเราะ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามิอาจตัดใจจากเขาได้ อาหร่าง เจ้าเป็นคนดีเกินไปจริงๆ” เขาเดินไปยังข้างกายเซี่ยหงเฉิน ตัดสินใจแล้วว่าจะเอาชีวิตอีกฝ่าย “แต่คนผู้นี้อุบายล้ำลึกทีเดียว หากเขายังอยู่ ข้าจะครองตำแหน่งประมุขสำนักอย่างสบายใจได้อย่างไร”
เขายกมือขวาขึ้น รวมพลังไว้ที่ฝ่ามือ ด้วยพลังวัตรของเขาในตอนนี้จะสังหารเซี่ยหงเฉินที่มือไม่มีแรงแม้กระทั่งจะมัดไก่ย่อมเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน
หวงหร่างมิได้ห้ามเขา กลับเอ่ยว่า “หลายปีที่ผ่านมาทุกคนล้วนบอกว่าซูหลางมิอาจเทียบเซี่ยหงเฉิน แม้กระทั่งปรมาจารย์ก็คิดเช่นนี้ หรือซูหลางไม่อยากทำให้เขาเห็นกับตาว่าท่านนั่งตำแหน่งประมุขสำนักได้อย่างมั่นคงเช่นไร ทำให้สำนักเซียนอวี้หูเจริญรุ่งเรืองได้เช่นไร โดดเด่นกว่าเขาเซี่ยหงเฉินเป็นร้อยเท่าเช่นไร”
คำพูดของหวงหร่างกระแทกใจเขาอย่างง่ายดาย เซี่ยหยวนซูเก็บมือกลับมา รู้สึกว่าคำกล่าวนี้มีเหตุผล
…เขารู้สึกว่าตนเองสามารถโดดเด่นกว่าเซี่ยหงเฉินเป็นร้อยเท่าได้!
ดังนั้นจึงเอ่ยว่า “อาหร่างมักจะใคร่ครวญอย่างรอบคอบเช่นนี้เสมอ”
หวงหร่างเดินไปตรงหน้าเขา ซับเม็ดเหงื่อบนหน้าผากให้ “ตอนนี้ในเมื่อซูหลางได้พลังวัตรของเขามาแล้ว ทั่วทั้งสำนักเซียนอวี้หู นอกจากปรมาจารย์ เกรงว่าคงไม่มีใครสู้ท่านได้อีก ท่านจะไปหารือกับปรมาจารย์สักหน่อยหรือไม่ เจรจาเรื่องการยกตำแหน่งประมุขสำนักให้ท่าน”
พอนางพูดถึงเซี่ยหลิงปี้ เซี่ยหยวนซูยังคงรู้สึกหนาวสะท้าน
เซี่ยหงเฉินที่ฟังสองคนพูดคุยกันด้านข้างเต็มไปด้วยความสงสัย…นางยุยงเซี่ยหยวนซูเช่นนี้คิดจะทำอะไรกันแน่! ในเมื่อนางทำเช่นนี้ย่อมไม่มีทางสนใจตำแหน่งฮูหยินประมุขสำนักอะไรนั่นอยู่แล้ว…เพราะนางได้ครอบครองไปนานแล้ว ไยถึงต้องวางแผนอีกเล่า
แต่ถ้าหากมิใช่เพื่อสิ่งเหล่านี้แล้วจุดมุ่งหมายของนางคืออะไร