“ซูหลาง…” หวงหร่างซบไหล่เขาพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าจะถือว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ข้าจะได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ชีวิตนี้ได้รู้จักกับซูหลาง แม้ตายอาหร่างก็ไม่เสียดายแล้ว”
“เซี่ยหยวนซู เหตุใดท่านถึงเลอะเลือนถึงเพียงนี้ได้…” น้ำเสียงของเซี่ยหงเฉินอ่อนระโหย คล้ายพลังที่คอยประคับประคองความเชื่อมั่นของเขาไว้ถูกสูบออกไปจนหมด
แต่เซี่ยหยวนซูไฉนเลยจะได้ยินเสียงของเขา เซี่ยหยวนซูต้องการใกล้ชิดกับหวงหร่างอีกสักครู่ หวงหร่างย่อมไม่ปฏิเสธ นางพูดขึ้นอีก
“ในเมื่อเป็นวันสุดท้าย ย่อมต้องใช้มันให้ดี ซูหลางรอข้าล้างหน้าแต่งตัวสักครู่ได้หรือไม่”
เซี่ยหยวนซูถูกราคะบดบังจิตใจ มีหรือจะปฏิเสธ เขารีบตอบ “ได้! ได้แน่นอน!”
ดังนั้นหวงหร่างจึงใช้อุบายเดิม ยังคงเติมเครื่องหอมที่สกัดจากหญ้าเทวดาลงไปในเตากำยาน เซี่ยหยวนซูร้อนใจจนทนไม่ไหวแล้ว จึงลากเซี่ยหงเฉินลงจากเตียง หวงหร่างช่วยเขาลากตัวเซี่ยหงเฉินไปไว้ที่มุมห้อง เซี่ยหยวนซูเข้าไปจัดเตียงอย่างกระตือรือร้น หวงหร่างกลืนยาลูกกลอนเรียกสติลงไปเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็ยัดยาลูกกลอนเรียกสติใส่ปากเซี่ยหงเฉินด้วยหลายเม็ด
เซี่ยหงเฉินอึ้งงันไป ทว่าตอนที่กลืนลงไปเขาก็รู้ทันทีว่านี่คือสิ่งใด
หวงหร่างใช้เครื่องหอมนี้อย่างเชี่ยวชาญ ปริมาณเท่าไรต้องใช้ยาลูกกลอนเรียกสติกี่เม็ด นางกระจ่างแจ้งที่สุด ดังนั้นไม่นานนักเซี่ยหยวนซูจึงเหมือนตกอยู่ในห้วงมายา
หวงหร่างแบมือเซี่ยหงเฉินออก ยัดของสิ่งหนึ่งใส่มือเขา เซี่ยหงเฉินถือไว้ในมือ พยายามลูบคลำดูก็พบว่าเป็นเซี่ยจิ่วเอ๋อร์
“เหตุใดเจ้าถึงไม่ฆ่ามันเสีย” เขารู้ว่าโมโหไปก็ไร้ประโยชน์ น้ำเสียงจึงเปลี่ยนเป็นเฉยชา
หวงหร่างนั่งอยู่ข้างกายเขา มองดูเซี่ยหยวนซูคลุ้มคลั่งไปเอง “เพราะข้าไม่รู้ว่าพอตายอยู่ที่นี่แล้ว หลังตื่นจากฝันจะตายไปด้วยหรือไม่ นางเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง หากบอกว่ามีความผิดก็เป็นความผิดของพวกเรา ไยต้องทำลายชีวิตนางด้วยเล่า”
ทว่าคำตอบของเซี่ยหงเฉินยังคงเป็นคำพูดเสียดสี “หวงหร่าง เมื่อไรเจ้าถึงจะฉีกหน้ากากจอมปลอมที่ชอบเสแสร้งเป็นคนดีออกได้เสียที”
หวงหร่างไม่อยากทะเลาะกับเขา จึงตอบว่า “ฉีกออกไม่ได้แล้ว” นางกุมมือเซี่ยหงเฉิน ให้มือเขากดลงบนผิวหนังที่หลังมือตน “ติดอยู่ด้วยกันไปแล้ว”
เซี่ยหงเฉินดึงมือกลับมาด้วยความรังเกียจ หวงหร่างจึงหัวเราะออกมา เวลาหัวเราะนางจะไม่หัวเราะเสียงดัง มักจะอ่อนโยนสง่างามอยู่เสมอ เดิมทีเซี่ยหงเฉินไม่อยากจะสนใจนาง แต่ใคร่ครวญคำพูดเมื่อครู่ของนางแล้วยังคงถามขึ้น
“เมื่อครู่ที่เจ้าบอกว่าหลังตื่นจากฝัน นี่หมายความว่าอย่างไร หวงหร่าง เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่”
หวงหร่างใช้สองมือกอดเข่า ครุ่นคิดอยู่นานก่อนตอบว่า “ข้าไม่รู้”
นางพิงไหล่เซี่ยหงเฉิน เซี่ยหงเฉินหลบเลี่ยงอย่างเย็นชา หวงหร่างสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า จากนั้นก็พูดช้าๆ อีก
“จู่ๆ ข้าก็ตระหนักได้ว่าพวกเราไม่เคยพูดคุยกันเช่นนี้มาก่อน ความจริงแล้วข้าอยากถามท่านเหลือเกินว่าชีวิตนี้ของท่านเคยรักข้าบ้างหรือไม่ จะแค่เศษเสี้ยวเดียวก็ได้ เคยหรือไม่ แต่ถ้าหากข้าถามออกไป คำตอบจะต้องทำให้ข้าผิดหวังแน่นอน” นางซุกหน้ากับหัวเข่าพลางถอนหายใจเบาๆ “ต้องผิดหวังแน่นอน”
เซี่ยหงเฉินไม่ได้ตอบนาง เขาเป็นประมุขสำนัก ยามนี้จะมาพูดเรื่องรักใคร่ระหว่างชายหญิงได้อย่างไร
เขาแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยังมีหนทางใดที่จะกอบกู้สถานการณ์ได้อีก ทว่าไม่มี ดังเช่นที่เซี่ยหยวนซูพูด เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ พวกเขาไม่มีทางให้ถอยแล้ว
บัดนี้พลังวัตรของเขาสูญสิ้น ทันทีที่เซี่ยหลิงปี้รู้ หวงหร่างย่อมต้องตายแน่นอน
เซี่ยหงเฉินได้แต่เอ่ยว่า “ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงเลือกเส้นทางนี้ เจ้ากำลังขุดหลุมฝังตนเอง”
“ใช่” หวงหร่างใช้สองมือประคองใบหน้า นั่งเหม่อลอยเงียบๆ เนิ่นนานจึงตอบว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้ ข้าถอยหนึ่งก้าวเป็นเหวลึกหมื่นจั้ง เดินหน้าหนึ่งก้าวร่างแหลกกระดูกป่น ยังจะมีหลุมศพสุสานอะไรที่ใด”
น้ำเสียงของหวงหร่างแฝงแววขบขันอยู่บ้าง นางนั่งกอดเข่า มิได้พยายามพิงซบเซี่ยหงเฉินอีก
ความจริงแล้วคนข้างกายผู้นี้ไม่เคยเป็นที่พึ่งพิงของนางอยู่แล้ว ชั่วชีวิตนี้ของนางไม่เคยมีที่พึ่งพิงใดๆ