บทที่ 6 ฉาบกำแพง
พอหลี่ลู่กับเป้าอู่ออกไป ในห้องประชุมก็เงียบสงบ หวงหร่างรู้สึกว่าเก้าอี้ล้อเข็นหมุน นางนั่งหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
ตี้อีชิวยังคงนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน จดจ่อกับการเย็บหนังกระต่าย
ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมีเกล็ดหิมะโปรยปรายตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ตกไม่หนักนัก ดั่งฝุ่นผงและเม็ดเกลือ พร่างพรมลงมาดุจสายพิรุณ
หวงหร่างจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง นึกถึงคำพูดของเป้าอู่เมื่อครู่นี้ เซี่ยหงเฉินส่งคนออกไปสืบหาเบาะแสน้องสาวคนหนึ่งของนาง แน่นอนว่านี่คือการตามหานาง เพียงแต่เซี่ยหงเฉินผู้นั้นห่วงชื่อเสียงและหน้าตาของสำนักมาโดยตลอด ดังนั้นเรื่องที่ภรรยาของตนหายตัวไป เขาไม่มีทางประกาศกับภายนอกแน่นอน
หิมะนอกหน้าต่างโปรยปรายลงมา หวงหร่างเริ่มเหม่อลอย คล้ายมองเห็นหิมะแรกที่หอฉีลู่ ทุกปีเมื่อถึงฤดูกาลนี้ สระไป๋ลู่จะเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง นางมักจะไปเก็บเศษน้ำแข็งส่วนหนึ่งมาทำอาหารอย่างประณีตให้เซี่ยหงเฉิน
แต่ความจริงแล้วเซี่ยหงเฉินไม่ค่อยมา อาหารเหล่านั้นบางครั้งนางให้คนส่งไปที่ยอดเขาเตี่ยนชุ่ยซึ่งเป็นที่พำนักของเขา แต่บ่อยครั้งนางต้องแบ่งให้ศิษย์ในสำนัก ยามนั้นศิษย์สำนักเซียนอวี้หูต่างชื่นชอบฤดูหนาว พวกเขาจะมอบวัตถุดิบนานาชนิดให้นาง เพื่อให้อาจารย์หญิงศึกษาค้นคว้าการทำอาหารและขนม
บางครั้งเมื่อชาวบ้านประสบภัย หวงหร่างจะนำศิษย์ไปแจกโจ๊ก มอบยารักษาโรคที่ตีนเขา เรื่องเหล่านี้แน่นอนว่าเป็นการผลาญเงินทองของสำนักเซียนอวี้หู ส่วนนางได้ชื่อเสียงบารมี ดังนั้นเซี่ยหงเฉินจึงไม่มีทางมองนางใหม่เพราะเรื่องแค่นี้อยู่แล้ว ถึงขั้นรู้สึกรังเกียจนางด้วยซ้ำ
เพียงแต่เขาพยายามข่มความไม่พอใจไว้…หวงหร่างทำเรื่องพวกนี้ อย่างไรก็ช่วยเหลือผู้คนได้ไม่น้อย หาใช่เรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด
ดังนั้นในสายตาของทุกคน ประมุขสำนักเซียนอวี้หูและฮูหยินจึงรักใคร่ใกล้ชิดกันมาโดยตลอด มีเพียงหวงหร่างที่รู้ว่าในใจของเซี่ยหงเฉินเก็บงำความรู้สึกดูแคลนนางไว้ นี่คือกำแพงน้ำแข็งระหว่างนางกับเขา สุดท้ายกลายเป็นความรู้ดีแก่ใจระหว่างสองคนที่มิต้องเอ่ยออกมา
หากเขาไม่มา นางก็ไม่อาจไปเชิญเขามาได้
ในหอฉีลู่นางสามารถโปรยเสน่ห์ใส่เขา สามารถยั่วยวนเขา แต่ในสถานที่อื่นนอกเหนือจากหอฉีลู่นางจำต้องเป็นฮูหยินประมุขสำนักที่สง่างามและวางตัวอย่างเหมาะสม
ส่วนยอดเขาเตี่ยนชุ่ย หากไม่มีธุระใดนางไม่สามารถเข้าไปได้
เรื่องราวในวันวานแปรเปลี่ยนเป็นกระดาษเหลืองซีดแผ่นแล้วแผ่นเล่า หวงหร่างเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง ตี้อีชิวเย็บหนังกระต่ายเสร็จไปหลายผืนแล้ว เขาเดินมาตรงหน้าหวงหร่าง นำผ้าห่มผืนบางที่เย็บจากหนังกระต่ายวางลงบนตักนาง ความจริงแล้วหวงหร่างไม่รู้สึกหนาว แต่มีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เขาคิดว่านางหนาว
ตี้อีชิวเข็นนางให้ถอยออกมาอยู่ข้างหน้าต่าง เปิดขวดและกระปุกเหล่านั้นที่เขาเพิ่งซื้อมาในวันนี้
หวงหร่างเห็นหลี่ลู่ถือเข้ามาแต่แรกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าคือสิ่งใด บัดนี้เมื่อตี้อีชิวเปิดออกแล้วได้กลิ่นหอม นางจึงรู้ว่าข้าวของเหล่านี้ล้วนเป็นแป้งชาดน้ำมันหอมทั้งสิ้น!
อาจารย์ชิวย้ายเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามนาง หวงหร่างเบิกตามองเขาเปิดฝาตลับแป้งผัดหน้า จากนั้นเขาก็หยิบถ้วยชาใบหนึ่งมา เติมน้ำลงไปเล็กน้อย ผสมผงแป้งกับน้ำ
“???” หวงหร่างเต็มไปด้วยคำถามในใจ
ต่อจากนั้นตี้อีชิวก็นำผงแป้งที่ผสมเสร็จทาลงบนใบหน้านาง
ท่านทำอะไรของท่าน!! รูม่านตาของหวงหร่างขยายออกโดยพลัน…แป้งผัดหน้าตลับนั้นไม่ได้ใช้เช่นนี้!! หยุด! นี่ท่านกำลังฉาบกำแพงต่างหาก!
แต่อาจารย์ชิวกลับลงมืออย่างตั้งอกตั้งใจ
ด้วยเหตุนี้เองเมื่อเขาละเลงแป้งทั้งหมดในตลับลงบนใบหน้าหวงหร่าง พอพินิจดูครู่หนึ่งร่างกายก็พลันหนาวสะท้าน ต่อจากนั้นเขาก็สั่งให้คนยกน้ำร้อนเข้ามา ตอนบ่าวรับใช้ยกน้ำร้อนเข้ามาแล้วเหลือบเห็นหวงหร่างก็ตกตะลึงไปเช่นกัน แต่เคราะห์ดีที่ฝึกฝนตนเองจนชำนาญแล้ว อ่างน้ำในมือจึงไม่ร่วงหล่นลงไปบนพื้น
ตี้อีชิวเอาผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดใบหน้าหวงหร่างอย่างพิถีพิถัน หลังจากล้างหน้าจนสะอาดเขาก็เอาผงชาดผสมน้ำทำเป็นสีละเลงใบหน้านางต่อ
หวงหร่างใจสั่นสะท้าน ทว่านางไม่มีหนทางอื่น! ตี้อีชิวใช้ท้องนิ้วเกลี่ยสี ภายหลังเขาคงรู้สึกว่าไม่สะดวกจึงคว้าพู่กันบนโต๊ะทำงานขึ้นมา พู่กันเหล่านั้นมีทั้งแบบหนาและแบบบาง เขาทดลองใช้ทั้งหมด
นี่มันใบหน้าของข้า!! หวงหร่างโมโหจนมือเท้าเย็นเฉียบ
ใต้เท้าเจ้ากรมซือเทียนรังสรรค์ผลงานชิ้นเอกจนสำเร็จอีกครั้ง เขาวางสีผึ้งทาปากและลุกขึ้นยืน พินิจใบหน้านางอย่างเคร่งขรึมอีกครั้ง
หวงหร่างกล้าเดิมพันว่านางเห็นมุมปากของตี้อีชิวยกขึ้นเล็กน้อย…สุนัขตัวนี้ เขากำลังยิ้ม!